บช.น.เตรียมแผนพร้อมรับม็อบเสธ.อ้าย ระบุช่วงก่อนการชุมนุมจะมีการฝึกซ้อมกำลังพลตามยุทธวิธีที่ปฏิบัติเพื่อรับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม และกำชับห้ามเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด
วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและเครือข่ายภาคประชาชน โดยมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย เป็นแกนนำ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ว่า ขณะนี้กำลังพลจากในส่วนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ที่เข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์ในการชุมนุมได้เข้ามารายงานตัวที่ บช.น.ครบทุกหน่วยแล้ว พร้อมกับมอบนโยบายตามแผนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนการชุมนุมจะมีการฝึกซ้อมกำลังพลตามยุทธวิธีที่ปฏิบัติเพื่อรับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม และกำชับห้ามเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด
ต่อมา เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงความคืบหน้าการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.ศอ.รส.) โดย ผบ.ตร.ได้มีคำสั่ง ศอ.รส.ฉบับที่ 1/2555 ห้ามบุคคลเข้าหรือออกจากบริเวณพื้นที่ อาคารหรือสถานที่กำหนด ดังต่อไปนี้ 1. ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่สะพานมัฆวานถึงแยกสวนมิสกวัน 2. ถนนลูกหลวง ตั้งแต่สะพานวิศุกรรมนฤมาณ ถึงสะพานเทวกรรม 3.ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกวังแดง ถึงแยกพาณิชย์ 4. ถนนนครปฐม ตั้งแต่สะพานอรทัย ถึงแยกวัดเบญจมบพิต 5. ถนนพระราม 5 ตั้งแต่แยกพาณิชย์ ถึงถนนลูกหลวง 6. ถนนลิขิต 7. ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกการเรือน ถึงแยกราชวิถี 8. ถนนพิชัย ตั้งแต่แยกขัตติยานี ถึงถนนราชวิถี และ 9. ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงลานพระราชวังดุสิต (ด้านหลังพระบรมรูปทรงม้า)
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ฉบับที่ 2/2555 ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ดังนี้ 1. ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมตามเส้นทางที่กำหนดในคำสั่งที่ 1/2555 2. ห้ามใช้จักรยานยนต์ กระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ 3. ห้ามใช้รถบรรทุกเชื้อเพลิง หรือนำเชื้อเพลิงเข้าในพื้นที่ห้าม และ 4. ห้ามไม่ให้จอดรถทุกชนิดกีดขวางการจราจร
“และฉบับที่ 3/2555 เรื่องห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน คือ 1. ห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถานโดยเด็ดขาด และ 2. ห้ามนำสิ่งที่ไม่เป็นอาวุธโดยสภาพแต่เจตนาจะใช้ประทุษร้ายต่อร่างกายถึงสาหัส เช่น ร่มปลายแหลมหรือเสาธง ถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษตามมาตรา 24 ของ พ.ร.บ.ฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.ต.อดุลย์กล่าว
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า สำหรับการประกาศใช้นั้นอยู่ในขั้นเตรียมการ ซึ่งต้องดูสถานการณ์และดุลยพินิจตามความเหมาะสม ถ้าประชาชนยังสามารถสัญจรผ่านเส้นทางได้อยู่ก็จะเปิดตามปกติเพื่อจะไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน และถ้าหากผู้ชุมนุมทยอยเข้ามาในบริเวณพื้นที่ชุมนุมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทางเจ้าหน้าที่ก็จะเปิดเส้นทางเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพียงแต่คำสั่งให้ถือปฏิบัติในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น โดยมีจุดมุ่งเน้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนและความมั่นคงแก่บ้านเมือง ทั้งนี้ ทาง บช.น.ประเมินผู้มาชุมนุมในกลุ่มพิทักษ์สยามไว้จำนวน 7.6 หมื่นคน โดยทั้งหมดจะรวมตัวกันในวันที่ 24 พ.ย.เวลา 09.00 น. ซึ่งจะมีกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 1.7 หมื่นคนที่มาดูแลความเรียบร้อยในบริเวณโดยรอบ