เกิดเหตุวัยรุ่นป่วนปาประทัดใส่บริเวณหน้าบ้าน “เสธ.อ้าย” ตร.รุดตรวจสอบพบเป็นวัยรุ่นขี่ จยย.มาทำทีจุดบุหรี่แล้วเสียงดังคล้ายระเบิดก่อนขับหลบหนีไป
วานนี้ (12 พ.ย) เวลา 22.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายก่อเหตุปาประทัดยักษ์ใส่บ้านของ พล.อ.บญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ตั้งอยู่เลขที่ 330 ซอยสุขุมวิท 54 แยก 6 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกอยู่ในรั้วรอบขอบชิดบนเนื้อที่ประมาณ 250 ตารางวา พบว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง กับ กก.สส.บก.น.5 กำลังเดินตรวจสอบบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติมอยู่
จากนั้นได้มีคนในบ้านเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าไปในบ้าน เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ได้รับคำตอบว่า “นายไม่อนุญาต” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อ พล.อ.บุญเลิศ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดรับสาย ก่อนจะปิดเครื่องไปในที่สุด นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่าบริเวณชั้น 2 ของบ้านยังเปิดไฟอยู่ หลังจากนั้นประมาณ 30 นาทีไฟในบ้านก็ปิดลง ขณะเดียวกันคนในบ้านได้ออกมาขอร้องผู้สื่อข่าวว่า “อย่าเปิดไฟจากกล้องส่องเข้าไปในบ้าน เนื่องจากนายพักผ่อนแล้ว”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านของ พล.อ.บุญเลิศ พบว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.47 น. โดยคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขับขี่จักรยานยนต์ลักษณะคล้ายยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ ไม่ทราบสี และหมายเลขทะเบียน มาจอดสูบบุหรี่บริเวณข้างเสาไฟฟ้าฝั่งตรงข้ามบ้านของ พล.อ.บุญเลิศ จากนั้นก็ขี่ย้อนกลับมา ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น หลังจากนั้นก็มีแสงไฟวาบขึ้นมาบริเวณริมรั้วกำแพงบ้านของ พล.อ.บุญเลิศ หลังจากนั้นคนร้ายก็ขี่จักรยานยนต์ไปทางปากซอยสุขุมวิท 54 แยก 6 ก่อนจะเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางปากซอยสุขุมวิท 54 ต่อไป ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ร.ต.ต.ไกรยง แก้วตาวงศ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พระโขนง ได้เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบเศษชิ้นส่วนประทัดไข่ก๊องตกอยู่ใกล้กับรั้วบ้าน จึงตรวจสอบแล้วเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.ไตรเมท อู่ไทย รอง ผบก.น.5 กล่าวว่า จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านของ พล.อ.บุญเลิศ ไปประมาณ 15 เมตร ไม่ได้จงใจปาใส่บ้านของ พล.อ.บุญเลิศ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุอาจจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีความคึกคะนองปาเล่นเพื่อก่อกวนก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจท้องที่เกิดเหตุ ออกตรวจตราพื้นที่ให้ถี่มากขึ้นกว่าปกติแล้ว
