ตร.ได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด กลุ่มคนร้ายไล่ยิงแก๊งแว้น 3 จุด ระยะทาง 4 กม. เป็นฝีมือวัยรุ่นคู่อริและมาจากปืนกระบอกเดียวกัน เชื่อไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน แต่เป็นการเขม่นเฉพาะหน้า
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ดูแลงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เปิดเผยความคืบหน้าเหตุการณ์ที่กลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์ไล่ยิงถล่มคู่อริ 3 จุด ตั้งแต่ซอยเทอดไท 33 แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี ไปจนถึงซอยจอมทอง 14 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง เป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร จนปลอกกระสุนเกลื่อนเต็มถนน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายเมื่อกลางดึกวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ทาง บช.น. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียชีวิตได้ขี่จักรยานยนต์มา 4 คัน รวม 7 คน และได้ขับขี่จักรยานยนต์มาตามถนนจอมทอง 13 เลี้ยวเข้าเส้นถนนวุฒากาศ และมาพบกับกลุ่มคนร้ายที่ขี่จักรยานยนต์มากัน 4-5 คัน ประมาณ 7-9 คน เกิดการเขม่นกันและตะโกนต่อว่าพร้อมกับชูของลับให้กัน จากนั้นกลุ่มผู้เสียชีวิตก็ได้ขี่จักรยานยนต์กันไปต่อ และพบว่ากลุ่มคนร้ายได้วนรถกลับมา ซึ่งกลุ่มผู้เสียชีวิตรู้ตัวแล้วว่าจะมีเรื่องจึงได้เร่งเครื่องหลบหนี
พล.ต.ต.มานิตกล่าวต่อว่า จนกระทั่งทั้งสองกลุ่มไล่ยิงกันมาจนถึงภายในซอยเทอดไท 33 แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายที่ขี่จักรยานยนต์ตามมาได้ โดยคนขับสวมเสื้อแดง ส่วนคนซ้อนใส่หมวกกันน็อกสีขาวและเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้เสียชีวิต จนมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย บาดเจ็บอีก 1 ราย จากนั้นกลุ่มคนร้ายขี่จักรยานยนต์ไล่ตามมาทันอีกจุดหนึ่งที่บริเวณภายในซอยจอมทอง 14 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกัน กลุ่มคนร้ายได้ยิงคู่อริมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
พล.ต.ต.มานิตกล่าวอีกว่า ยังมีอีกจุดที่ได้รับแจ้งในพื้นที่ สน.ตลาดพลู มีคนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เก็บปลอกกระสุนทั้ง 3 จุด รวม 17 ปลอก ได้ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ตรวจสอบแล้วพบว่า จุดเกิดเหตุในพื้นที่ สน.บุคคโล บริเวณซอยเทอดไท 33 และ สน.บางขุนเทียน บริเวณซอยจอมทอง 14 นั้น เป็นการยิงจากอาวุธปืนกระบอกเดียวกันและเป็นคนเดียวกัน ส่วนในท้องที่ สน.ตลาดพลู เป็นอาวุธปืนคนละกระบอกกัน แต่กระสุนที่เก็บได้ทั้งหมดจะเหมือนกันหมด คาดว่าอาจมาจากกล่องเดียวกัน แต่บรรจุกระสุนใส่อาวุธปืนคนละกระบอกซึ่งอาจเป็นคนเดียวกัน หรือว่าอาจเป็นคนละคนกันที่ยิง ซึ่งจะต้องตรวจสอบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดอีกครั้ง โดยในส่วนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้
“จากการสอบถามกลุ่มคนเจ็บทราบว่าไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองกับฝ่ายตรงข้ามมาก่อน แต่อาจจะเป็นการมองหน้ากันและเกิดเขม่นกันขึ้นเฉพาะหน้าจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาข้อมูลเบาะแสเพิ่มเติม เพราะมีพยานชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก” พล.ต.ต.มานิตกล่าว