ผบ.ตร.สั่งพิจารณาความบกพร่องของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 กรณี “ดาบมนัส” ขับรถแหกด่านขนยาบ้า ด้าน ป.ป.ส.เร่งสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามยึดทรัพย์ของผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
วันนี้ (23 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ ในฐานะรองโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีที่ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผู้บังคับหมู่จราจร สน.ประชาชื่น เข้าไปเกี่ยวข้อง ในคดีแก๊งยาบ้าขับรถแหกด่าน ทิ้งของกลางยาบ้า 1,280,000 เม็ด ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ากรณีนี้หากสืบสวนสอบสวนมีความผิดเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง ตามหลักฐานที่ปรากฎตำรวจจะไม่ให้ความช่วยเหลือตำรวจกันเองเด็ดขาด ต้องดำเนินการทั้งทางกฎหมายและวินัยอย่างเด็ดขาด เบื้องต้นทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ต้นสังกัดได้ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว
อย่างก็ตาม ผบ.ตร.สั่งการเพิ่มเติมว่า ให้พิจารณาความบกพร่องของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ด้วยว่าผู้บังคับบัญชามีความบกพร่อง ละเลยการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่ เพราะ ผบ.ตร.ได้สั่งการเน้นย้ำไปแล้วว่าเป็นผู้บังคับบัญชาต้องสอดส่อง กวดขัน การประพฤติ ปฏิบัติ และความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา กรณีนี้ต้องถามผู้บังคับบัญชาทราบหรือไม่ว่าลูกน้องไปทำอะไร ลาไปหรือไม่ หรือเอาเวลาราชการไป ลาไปไหน มีการบอกกล่าวกันหรือไม่
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้จับกุมตัว นายฐิติ หรือ เอ๋ เพ็งสุข อายุ 42 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1,280,000 เม็ด และยาไอซ์ 5 กิโลกรัม โดยขยายผลพบว่า ด.ต.มนัส มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยว่า ขณะนี้ ป.ป.ส.ได้เร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามยึดทรัพย์ของผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ซึ่งล่าสุดได้มีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 7 คน โดยได้สั่งการให้ นายนิยม เติมศรีสุข ผอ.ป.ป.ส.กทม. นายสงคราม ขำต้นวงษ์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4 และ นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 ลงพื้นที่ประสานการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับตำรวจ และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบหาทรัพย์สินของผู้ที่ร่วมขบวนการทั้งหมดที่เชื่อว่าน่าจะได้มาจากการค้ายาเสพติด โดยจะทำการอายัดไว้ พร้อมทั้งดำเนินตามกระบวนการยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป โดยในขณะนี้สามารถตรวจยึดไว้ได้แล้วบางส่วน ทั้งบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ส่วนสมุดบัญชีเงินฝากและเส้นทางการเงินได้ประสาน ปปง.เพื่อดำเนินการอีกส่วนหนึ่งแล้ว
เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 1 ต.ค. 2555 จนถึงปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ส.สามารถติดตามยึดทรัพย์จากผู้ค้ายาเสพติดมาได้แล้วกว่า 582 ล้านบาท สำหรับในรอบปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการยึดทรัพย์จากผู้ต้องหาจำนวน 5,055 ราย รวมมูลค่า 1,761 ล้านบาท โดยในเดือน พ.ย.นี้ สำนักงาน ป.ป.ส.จะนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่งที่ยึดมาได้ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินแล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดออกขายทอดตลาด ซึ่งคาดว่าจะได้เงินมากกว่า 100 ล้านบาท