ตร.ประสาน บก.จร.ตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่องทางด่วน ถนนวิภาวดี-รังสิต ฝั่งขาออก ปาก ซ.วิภาวดี 8 จุดเกิดเหตุรถเก๋งซีวิคซิ่งความเร็วไม่น่าจะต่ำกว่า 180 กม.ต่อชั่วโมง ชนเฒ่าชราวัย 80 ดับ ก่อนหลบหนีไป
วันนี้ (21 ต.ค.) เวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.วิภาวดี เปิดเผยความคืบหน้า ว่า ได้สั่งการย้ำให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามหาตัวคู่กรณีให้พบ เนื่องจากหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป ส่วนกล้องวงจรปิดใกล้จุดเกิดเหตุมีเพียง 1 ตัว แต่ไม่ทราบว่าจะเห็นชัดเจนหรือไม่ และมีกล้องที่อยู่ตรงหน้าปากซอยวิภาวดี 8 ขณะนี้ได้ประสานไปยัง บก.จร.แล้ว แต่ยังคงต้องรอเป็นวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดราชการ สำหรับในที่เกิดเหตุขณะนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย จึงไม่มีพยานรู้เห็น ดังนั้น จึงเหลือเพียงการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเท่านั้น เบื้องต้นขณะนี้ทางญาติได้เข้ามาติดต่อขอรับศพไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนหลังเกิดเหตุ
จากกรณีเมื่อเวลา 02.00 น.กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.วิภาวดี ได้รับแจ้งเหตุรถชนชายเดินข้ามทางเสียชีวิตแล้วหลบหนี บริเวณช่องทางด่วน ถนนวิภาวดี-รังสิต ฝั่งขาออก ใต้สะพานลอยคนข้าม หน้าปากซอยเฉยพ่วง แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณช่องทางด่วน ถนนวิภาวดี-รังสิต ใกล้กับสะพานลอยคนข้ามดังกล่าว พบศพ นายสุวรรณ ทองเพชร อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149/15 หมู่ 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.สภาพชิ้นส่วนของลำตัวขาดกระจาย โดยส่วนศีรษะและข้อเท้าขวา ตกอยู่ที่บริเวณริมช่องทางด่วน ส่วนลำตัวตกอยู่กลางช่องทางด่วนใกล้ทางขึ้นสะพานลอยข้ามห้าแยกลาดพร้าว นอกจากบริเวณลำตัวของผู้ตายมีลำไส้และอวัยวะภายในออกมากอง ตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงพบกระเป๋าเงิน ภายในพบเงินสดจำนวน 600 บาท พร้อมใบขับขี่ตลอดชีพของผู้ตาย และพบชิ้นส่วนของกระจกมองข้างด้านซ้ายสีดำของรถยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ ซึ่งคาดว่าเป็นของรถคันที่ก่อเหตุตกอยู่ในช่องทางด่วน ทางเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.ท.ฉัตรชัย เปิดเผยว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะเดินข้ามถนนมาจากฝั่งปากซอยเฉยพ่วง ไปในช่องทางด่วน ก่อนถูกรถพุ่งเข้าชนด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 180 กม./ชม.จนทำให้ร่างกายฉีกขาดเป็นที่น่าสยดสยอง อย่างไรก็ตาม จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ หาภาพรถคันที่ก่อเหตุเพื่อติดตามตัวผู้ขับขี่มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป