xs
xsm
sm
md
lg

สังคมเสื่อม! “พ่อ-แม่” แอบนำศพลูกซุกโลงเย็นวัดหลักสี่

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๋ง ตรวจสอบศพทารกที่แห้งเหลือแต่กระดูก หลังถูกพ่อแม่ใจยักษ์ลักลอบนำมาวางไว้ในโลงเย็นภายในวัดหลักสี่
สังคมเสื่อม! ชายหญิงคู่รักหน้าตาดีแอบนำศพทารกเพศชายมาซ่อนไว้ในโลงเย็นของวัดหลักสี่ หลังถูกทางวัดปฏิเสธฌาปนกิจให้ เนื่องจากไม่มีใบมรณบัตรมายืนยัน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามพ่อแม่ใจยักษ์คู่นี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันนี้ (13 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.05 น. พ.ต.ท.สุทธิชัย วิโรจน์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งพบซากศพทารกภายในวัดหลักสี่ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่  กทม.จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
        
ที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณศาลากิจสุวรรณ เจ้าหน้าที่พบตะกร้าหวายใส่ศพทารกเพศชาย อวัยวะครบ 32 ภายในตะกร้ามีผ้านวมรองไว้ข้างใต้  มีผ้าขนหนูห่อตัวทารกไว้ และมีขวดนมวางอยู่ข้างๆ ซึ่งตะกร้าใบนี้อยู่ในโลงเย็นภายในศาลาดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า สภาพศพแห้งเหลือแต่กระดูก เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
        
สอบสวนนางศิริกร หรือซิ้ม พรมจีน อายุ 45 ปี แม่ครัวของวัดหลักสี่ เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีชายหญิงคู่หนึ่งขับรถมาที่วัด ซึ่งฝ่ายชายอายุประมาณ 30 ปี ส่วนผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปี รูปร่างหน้าตาดี ได้นำศพทารกเพศชายอายุครรภ์ 7 เดือน มีสายรถยาวกว่า 10 เซนติเมตรติดมาด้วย มาให้ทางเจ้าหน้าที่วัดเผาศพให้ แต่ทางวัดได้บอกว่าให้นำเอกสารใบมรณบัตรมาด้วยจึงจะเผาศพทารกให้ แต่ทั้งสองได้บ่ายเบี่ยงไปต่างๆ นานา จนกระทั่งทั้งคู่ได้นำศพเด็กกลับไป และไม่พบชายหญิงคู่ดังกล่าวอีกเลย

“ทั้งนี้ ฉันไม่ทราบว่าพ่อแม่ของทารกแอบเอามาไว้ที่ศาลาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันจำตะกร้าใบนี้ได้ ในเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่วัดจะเข้าไปทำความสะอาดศาลาหลังดังกล่าวและทำความสะอาดโลงเย็นด้วย เพราะจะเตรียมนำศพที่มาใหม่ขึ้นศาลา เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดออกก็พบตะกร้าภายในมีศพทารกดังกล่าว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที” นางศิริกรกล่าว
        
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ซากศพทารกดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตภายในครรภ์หรือถูกทำแท้ง จากนั้นพ่อแม่ของเด็กจะนำศพมาให้ทางวัดทำการฌาปนกิจให้ แต่ทางวัดไม่ยอมจึงแอบนำศพมาซุกซ่อนใส่ในโลงเย็นไว้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะส่งศพทารกไปตรวจสอบที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมทั้งเร่งติดตามพ่อแม่ใจยักษ์คู่นี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
       
กำลังโหลดความคิดเห็น