“ปานศิริ” ยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานสอบสวนที่ดูคดี “หมอสุพัฒน์” ชี้ไม่ได้มี ตร.นายเดียวทำคดีไม่ต้องห่วงหากกลังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากใครให้ระบุชื่อมาจะลงไปจัดการเอง
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ในฐานะกำกับดูแลงานป้องกันปราบปราม กล่าวถึงกรณีนายเอก เลาหะวัฒนะ ลูกชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ร้องขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนคดีที่บิดาตกเป็นผู้ต้องหา โดยระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดีว่า เรื่องนี้ทาง บช.ภ.7 ได้ตั้งชุดคลี่คลายคดีในรูปของคณะกรรมการ มี พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน ยังมี พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.บช.ภ.7 พล.ต.ต.พีระพงศ์ รื่นเริง ผบก.จว.ภ.เพชรบุรีเป็นรองหัวหน้าชุด ไม่ใช่แค่คนคนเดียวที่ทำคดี วันนี้ได้สั่งการอย่างเป็นทางการให้ทางกองปราบปราม (บก.ป.) จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปร่วมทีมสืบสวนสอบสวนด้วย ขณะเดียวกันยังมี พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผช.ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานตรวจพิสูจน์หลักฐานควบคุมดูแลอีก พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ก็รายงานคดีนี้ให้ตนทราบทุกวัน
“ยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมคดีนี้ทุกฝ่าย หากตนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวหาเองเห็นว่านายตำรวจรายใดที่อยู่ในทีมพนักงานสอบสวนไม่ให้ความเป็นธรรมขอให้ระบุมาเป็นรายบุคคลหรือเป็นในทางลับก็ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนที่อยู่ในคดีนี้แต่อย่างใด” รอง ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ดำเนินการมีหลายคดี ไม่ใช่เฉพาะเหตุการณ์การสูญหายของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางอรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาเพียงอย่างเดียว ยังมีคดีการเสียชีวิตของนายต้า แรงงานชาวพม่าในไร่ของ พ.ต.อ.สุพัฒน์ด้วย