คดี น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือ “น้องกระแต” สาวพริตตี้เอ็มซี หรือ พริตตี้โปรโมทสินค้า อายุ 33 ปี ไปทำศัลยกรรมเสริมความงาม เพื่อหวังอาชีพจะได้มั่งคั่งและมีงานมากขึ้น คืออุทธาหรณ์เตือนใจหญิงสาวได้อย่างดียิ่งว่า หากทำศัลยกรรมไม่ถูกวิธีหรือโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ ไม่มีใบวิชาชีพ หรือยิ่งเป็นหมอเถื่อน ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้
โดยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา “น้องกระแต” ได้ไปฉีดคอลลาเจนหรือฟิลเลอร์ เสริมสะโพก กับ “ป็อป” ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นแพทย์ โดยเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้นิยมเสริมความงามว่า "หมอป๊อป" ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าวซอย 1 จนช็อกหมดสติ สมองขาดออกซิเจน อาการรุนแรงเข้าขั้นโคม่า กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างน่าเวทนา โดยเข้ารับการรักษาที่ รพ.ลาดพร้าวได้เพียง2 วัน ก่อนถูกส่งต่อมายัง รพ.กล้วยน้ำไท
เบื้องต้น นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ ผู้อำนวยการรพ.กล้วยน้ำไท เปิดเผยอาการของน้องกระแตในวันแรกที่เข้ารับการรักษาว่า แพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และให้ยาประคองความดันให้ปกติ เนื่องจาก “น้องกระแต”เหยื่อศัลยกรรม หมดสติไม่รู้สึกตัว การรักษาจึงทำได้เพียงประคับประคอง ให้อาการทรงตัวเท่านั้น ส่วนที่ฉีดเข้าร่างกายยังไม่ทราบว่าเป็นสารชนิดใด และเมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย ไปยังกล้ามเนื้อและเลือดแล้ว จึงไม่สามารถแก้ไขหรือเอาออกจากร่างกายได้
โดยเชื่อว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากการแพ้ยาหรือสารที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย และไม่ทราบว่าเป็นสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการรับรองจากแพทย์หรือไม่ รวมทั้งผู้ที่ฉีดใช่แพทย์ มีใบประกอบวิชาชีพหรือไม่ จึงเตือนผู้ที่ต้องการศัลยกรรมว่า ควรมีการตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะหากเป็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็อาจได้รับอันตรายได้
ขณะที่ น.ส.ณัฐปภัสร สุภทนาไพศาล เพื่อนสนิท ของ “น้องกระแต” เล่าว่า ในสังคมพริตตี้นั้นมีค่านิยมเรื่องความงามอย่างมาก ทุกคนต้องทำตัวเองให้สวยงาม เพื่อให้เจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าพึงพอใจ และเลือกใช้ให้เป็นพรีเซนต์เตอร์ ซึ่งเพื่อนชอบบ่นให้ฟังว่า คนนี้สะโพกสวยจัง อยากใส่กางเกงสวยเหมือนกับคนอื่น ตนยังเคยแนะนำให้ซื้อกางเกงเสริมก้นแทน สำหรับคลินิกที่เพื่อนไปทำนั้น ทราบว่าเป็นที่นิยมในหมู่พริตตี้
อย่างไรก็ตามหลังปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสนใจและติดตามความคืบหน้าคดี กระทั่งทราบจากพยานว่า “หมอป๊อบ”ที่กล่าวอ้างนั้น เป็นเพียงผู้ช่วยแพทย์ ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ในเมืองทองธานี และมีการให้บริการที่คอนโด ซอยลาดพร้าว 1 อีกทั้งกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลลาดพร้าวยังสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่ผู้ต้องหานำผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาล โดยเห็นรูปพรรณและใบหน้าอย่างชัดเจน ภายหลังผู้ต้องหาจึงได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว
ต่อมาวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา นายธนัช ณัชวีรกุล อายุ 24 ปี หรือที่รู้จักกันในวงการเสริมความงามว่า “หมอป็อบ” ได้ออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีบิดาและมารดาของ “น้องกระแต”เดินทางมารับฟังเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
นายธนัช ผู้ต้องหา ให้การว่า ตนเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งและใช้ประสบการณ์ที่มีมารับจ้างทำให้ลูกค้า ก่อนหน้านี้เคยฉีดสารต่างๆ เพื่อเสริมความงามให้พริตตี้และสาวประเภท 2 หรือกะเทย มาแล้วกว่า 20 คน โดยจะเป็นสารประเภทกลูตาไทโอนเพิ่มความขาว สารฟิลเลอร์ และโบทอกซ์ ซึ่งคนที่เข้ามาให้ตนฉีดจะเป็นการบอกกันปากต่อปากและไม่เคยมีใครได้รับอันตรายมาก่อน สำหรับนางสาวอาทิตยาได้คิดค่าจ้างรวม 4 หมื่นบาท ซึ่งหากไปฉีดตามโรงพยาบาลจะอยู่ที่ราคาประมาณ 7 หมื่นบาท
ผู้ต้องหาอ้างว่า สารดังกล่าวมีราคาสูงมากเพราะต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ หลายคนก็อยากจะทำในราคาที่ไม่แพง สำหรับสารฟิลเลอร์ดังกล่าวได้สั่งซื้อมาจากทางอินเทอร์เน็ต แต่ลูกค้าบางคนก็จะเป็นคนหาสารเสริมความงามมาเองและมาให้ตนฉีดให้ ราคาเข็มละ 500-2,000 บาท บางรายก็ให้ตนหามาและฉีดให้ ซึ่งก็ยอมรับว่าการลักลอบทำศัลยกรรมเป็นความผิดจึงอยากขอโทษผู้เสียหายและยินดีชดใช้ค่าเสียหาย
“ผมต้องขอโทษพ่อแม่ของน้องกระแตด้วย และอยากแนะนำให้สาวๆ ที่ต้องการเสริมความงามให้ไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญดีกว่า เพราะจะได้รับความปลอดภัย รวมถึงความสะอาด หากเกิดอันตรายขึ้นมาโรงพยาบาลก็ยังมีเครื่องมือทางแพทย์พร้อมที่จะรักษาทันที”
จากนั้นตำรวจจึงคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นและชี้จุดเกิดเหตุภายในห้องพัก ซอยลาดพร้าว 1 แยก 2 เลขที่ 302 ดับบลิว พี เซ็นทรัล คอนโดมิเนียม ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพลเขตจตุจักร กทม.ย่านลาดพร้าว เพื่อหาหลักฐาน
โดยจุดแรกภายในห้องพักเลขที่ 302/93 ชั้น 6 ที่ผู้ต้องหาอ้างว่า พา น.ส.อาทิตยา หรือ “น้องกระแต” มาฉีดสารฟิลเลอร์ให้บนที่นอน ก่อนที่”น้องกระแต”จะเดินมาส่องกระจกที่อยู่บริเวณห้องน้ำ จากนั้นประมาณ 10 นาทีจึงมีอาการชักเกร็ง หายใจไม่ออก ตนจึงนำตัวขึ้นรถขับไปส่งที่ รพ.ลาดพร้าว
จุดที่สอง เป็นจุดที่ผู้ต้องหาระบุว่า หลังเกิดเหตุได้นำเข็มฉีดยา พร้อมกล่องใส่ขวดเปล่าที่บรรจุสารฟิลเลอร์ มาทิ้งในถังขยะสาธารณะ ซึ่งห่างจากคอนโดฯ ประมาณ 200 เมตร ก่อนที่จะเดินทางกลับห้องพัก
เบื้องต้นตำรวจจึงดำเนินคดีใน 3 ข้อหา 1. ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3. กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ทางพนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
อย่างไรก็ตามภายหลัง “น้องกระแต” นอนรักษาตัวเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่บนเตียงโรงพยาบาลนานกว่า 10 วัน ในที่สุดเมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา “น้องกระแต”จึงจากเพื่อนและพ่อแม่ไปอย่างสงบ ไม่ต้องทนนอนเป็น “ผัก”ทุกข์ทรมานอีกแล้วเนื่องจากหัวใจหยุดเต้น แพทย์ให้ยากระตุ้นความดันแต่ร่างกายก็ไม่ตอบสนองและมีอาการตัวเขียวกระทั่งสิ้นใจ
“ลูกสาวเรียนจบก็มาทำอาชีพนี้ เป็นเสาหลักเลี้ยงครอบครัว และทำมาเป็นสิบปีแล้ว อีกทั้ง เก็บเงินจนซื้อที่ดินใน จ.นนทบุรี ได้แปลงหนึ่ง เตรียมจะปลูกบ้าน แต่ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน จึงขอให้คนที่จะไปฉีดสารเสริมความงาม ไปหาหมอตามสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ถูกกฎหมาย ไม่ใช่มาหาหมอเถื่อนอย่างนี้” นางระเบียบ ผินกลับ อายุ 57 ปี แม่ของ“น้องกระแต”กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เช่นเดียวกับ นายละเมียด ผินกลับ อายุ 63 ปี บิดา ที่กล่าวว่า เสียใจกับการจากไปของลูกสาว และก็อยากฝากให้กรณีลูกสาวเป็นคนสุดท้าย สำหรับหมอที่อวดดีเคยเป็นแค่เพียงผู้ช่วย แต่เห็นแก่เงินทำไปโดยไม่มีความยั้งคิด และจะไม่มีทางยกโทษให้อย่างแน่นอน หลังเกิดเหตุได้พบทางคู่กรณีเพียงครั้งเดียว และหลังจากนั้น ไม่ได้พบแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของคดีความ ก็อยากเป็นไปตามกระบวนการ โดยจะขอให้สภาทนายความเป็นผู้ดำเนินการให้ หลังจากนี้จะนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดมงคลประชาราม ต.คลองโยง อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นเวลา 5 วัน ขณะที่แฟนหนุ่มซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์และคบหาดูใจกันมาประมาณ 1 ปี ก็ได้เดินทางมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวเช่นกัน
ด้านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ก็ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เจ้าของคดีแจ้งข้อหา กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา ก่อนนำศพ พริตตี้สาวไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่ สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.จุฬาลงกรณ์
พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้ดำเนินการแจ้งข้อหาประมาทเป็นสาเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่มเติมกับ นายธนัช หรือ ชื่อที่เรียกกันในวงการเสริมความงามว่า “หมอป๊อป” แล้ว
กรณีการเสียชีวิตของ “น้องกระแต”ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจเตือนสติให้กับผู้กำลังคิดจะไปทำศัลยกรรมเสริมความงาม ไม่ว่าจะเป็น เพศ ชาย หรือ หญิง หรือ แม้กระทั่ง เพศที่ 3 ในโลกโลกาภิวัฒน์ “กระเทย - เกย์ - ตุ๊ด - ทอม - ดี้” ได้เป็นอย่างดีว่าก่อนที่จะคิดเสี่ยงเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกาย...ควรไตร่ตรองให้ตระหนัก...
ยิ่งถ้าทำกับคลินิกเถื่อนหรือไม่ใช่ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งได้รับอนุญาตตามกฎหมายด้วยแล้ว โอกาสที่จะเป็นเช่นน้องกระแตก็มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น