ผลสอบสารเสพติดในตัว “บอส” ทายาทเจ้าสัวกระทิงแดง ยังอึมครึม ยอมรับญาติดาบตำรวจผู้เคราะห์ร้าย รับเงินค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว 3 ล้านบาท ซึ่งหากผู้เสียหายพอใจ ก็อาจไม่ฟ้องทางแพ่ง แต่ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา
จากกรณี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส บุตรชายเจ้าสัวดัง ขับรถเก๋งเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ อายุ 54 ปี ที่ปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิต ที่ปากซอยสุขุมวิท 47 โดยรถคันที่ก่อเหตุลากศพจากจุดที่เกิดเหตุไปจนถึงปากซอยสุขุมวิท 49 ก่อนหลบหนีเข้าไปในบ้านพัก บ้านเลขที่ 9 ซอยสุขุมวิท 53 ต่อมา พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ นำตัว นายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี พ่อบ้านออกมามอบตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.จึงมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ มาช่วยราชการที่ บช.น.เป็นเวลา 30 วัน ก่อนถูกเสนอให้ออกจากราชการไว้ก่อน เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ บช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาเมาแล้วขับต่อ นายวรยุทธ เนื่องจากต้องการรอผลตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ว่า ผลการตรวจสอบสารต่างๆ ในร่างกายที่พบเป็นสารตัวใด เป็นสารเสพติดหรือไม่ ตอนนี้ตรวจได้สารแต่รอให้ผู้ชำนาญดูว่าเป็นสารอะไร สำหรับในส่วนของสำนวนก็รวบรวมพยานหลักฐานไปเรื่อยๆ โดยรอผลการตรวจสอบจาก พฐ.เสร็จสิ้น จึงนำมาประกอบในสำนวน รวมถึงการสอบสวนผู้ชำนาญ แพทย์ เพื่อประกอบรายงาน ส่วนเรื่องความเร็วก็พบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งสำนวนการสอบสวนหากเสร็จสิ้นไม่ทันสิ้นเดือนนี้ ก็อาจต้องขยายออกไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากตรวจสอบพบว่า นายวรยุทธ มีสารเสพติดจะแจ้งข้อหาใดเพิ่มเติม พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าสารที่พบมาจากไหน อย่างไร ทาง พฐ.ยังไม่ชี้มา คดีนี้ถือว่าค่อนข้างเร็ว ปกติผลตรวจใช้เวลาเป็นเดือน แต่คดีนี้เร่งมาก และทาง พฐ.ก็ทราบว่า ทางพนักงานสอบสวนรอผลการตรวจอยู่ เนื่องจากกว่าจะส่งผลให้ พฐ.กว่าจะได้ผลจากแพทย์ ก็รอไปกว่า 2-3 สัปดาห์ จึงต้องใช้เวลาเพื่อความละเอียดรอบคอบ เมื่อได้ผลจากแพทย์มาจะถามแพทย์ก็บอกว่าไม่ใช่ผู้ชำนาญ จึงต้องรอผู้ชำนาญด้านยาเสพติดของ พฐ.ตอนนี้ก็เร่งอยู่ สำหรับเงินค่าทำศพ และชดเชยอื่นๆ เห็นว่า ทางผู้ต้องหามอบให้ทางญาติ ด.ต.วิเชียร ประมาณ 3 ล้านบาท แต่ไม่ทราบว่า มีการทำบันทึกหรือไม่ ซึ่งหากทางผู้เสียหายพอใจแล้วก็อาจไม่ได้ฟ้องทางแพ่งต่อ ส่วนการดำเนินคดีทางอาญาก็ว่ากันไปตามกฎหมาย