xs
xsm
sm
md
lg

ก.ตร.แต่งตั้งที่ปรึกษา สบ 10 แท้งรอบสอง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี
ที่ประชุม ก.ตร.ถอนวาระกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านสืบสวน เพื่อเปิดเก้าอี้ให้ “จรัมพร” ออกไปอีกครั้ง อ้างข้อมูลยังไม่ครบถ้วน และไม่การหยิบประเด็นการเปลี่ยนหัว ผบช.น.มาหารือในที่ประชุมเช่นกัน

วันนี้ (24 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร. ) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 13/2555 โดยมีวาระที่สำคัญอาทิ การกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านสืบสวน, การปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งระดับ พล.ต.ต.ให้กับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) การปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งให้กับ สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) การปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งให้กับจเรตำรวจ (จต.) การปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งให้กับกองทะเบียนพล (ทพ.) สำนักงานกำลังพล (สกพ.) โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงวาระกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา สบ 10 ว่า เมื่อถึงวาระดังกล่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้ถอนวาระดังกล่าวออกไป โดยที่ประชุมยังไม่มีการพิจารณาแต่อย่างใด โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ระบุว่าข้อมูลยังไม่ครบ โดยไม่เกี่ยวข้องกระแสข่าวที่ว่า ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิคัดค้านเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้จะนำกลับไปพิจารณาในขั้นตอนใด หรือต้องกลับไปที่อนุฯ ก.ตร.หรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เนื่องจากไม่มีการพูดคุยกันในวาระนี้แต่อย่างใด

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวถึงวาระการปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งโดยมติ ก.ตร.ให้ยกระดับฝ่ายพัฒนาการบริหารงานบุคคลในสำนักงานข้าราชการตำรวจให้เป็นกองพัฒนาการบริหารงานบุคคล โดยมี ผบก.เป็นหัวหน้า จากเดิมทีที่มีเพียงรอง ผบก.เป็นหัวหน้าหน่วย จึงต้องมีการกำหนดตำแหน่ง ผบก.เพิ่มจำนวน 1 ตำแหน่ง มีกำลังพล 61 อัตราประกอบด้วย ผบก.1 ตำแหน่ง รอง ผบก.4 ตำแหน่ง และผกก.5 ตำแหน่ง สว.13 ตำแหน่ง รอง สว.15 ตำแหน่ง และ ผบ.หมู่ 23 นาย

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อไปว่า สำหรับการปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งใน สำนักงานกฎหมายและคดี โดยให้ยกระดับฝ่ายตรวจสอบสำนวนคดีอุทธรณ์และฎีกา เป็น กองตรวจสอบสำนวนอุทธรณ์และฎีกา จากเดิมมีรอง ผบก.เป็นหัวหน้าให้มี ผบก.เป็นหัวหน้าหน่วย มีกำลังพล 59 อัตรา นอกจากนี้ ก.ตร.มีมติปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งใน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานจเรตำรวจ เดิมทีมีหัวหน้าหน่วยเป็นผกก. เป็นกองรับเรื่องราวร้องทุกข์และจริยธรรม มีระดับผบก.เป็นหัวหน้าหน่วย สำหรับการกำหนดตำแหน่งใน กองทะเบียนพล สำนักงานกำลังพล ให้กำหนดตำแหน่งฝ่ายยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นจากเดิมมีรอง ผกก.ให้มีหัวหน้าให้เป็นผกก. ทั้งนี้ ตำแหน่ง ผบก.ทั้ง 3 หน่วยต้องรอให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.เห็นชอบก่อนจึงจะดำเนินการแต่งตั้งตัวบุคคลได้

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ก.ตร.ได้มีมติเรื่องการกำหนดเงินเพิ่มพิเศษให้กับหน่วยนเรศวร 261 ในสังกัด กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ บช.ตชด. และหน่วยอรินทราช 26 ในสังกัด บก.สปพ. (191) โดยตำรวจชั้นประทวนได้เงินเพิ่มพิเศษ 6,000 บาทและชั้นสัญญาบัตรได้เพิ่ม 8,000บาท ซึ่งเทียบเท่ากับฝ่ายทหารที่ทำหน้าที่ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย นอกจากนี้ ก.ตร.ยังได้อนุมัติร่างระเบียบเงินเพิ่มพิเศษให้พนักงานสอบสวนโดยในระดับรองสว.หรือ (สบ 1) จากเดิม 12,000 บาท เป็น 15,000 บาท ส่วนพนักงานสอบสวนชำนาญการ ระดับสว.หรือ (สบ 2) จากเดิม14,400บาท เป็น 20,000 บาท ส่วนพนักงานสอบสวนระดับชำนาญการพิเศษ ระดับ รองผกก. หรือ สบ 3 จากเดิม 17,300 บาท เป็น 30,000 บาท พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิระดับ ผกก. หรือ สบ 4 จากเดิม 20,800 บาท เป็น 35,000 บาท พนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญระดับรอง ผบก. หรือ สบ 5 จากเดิม 25,000 บาทเป็น 41,000 บาท พนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ ผบก. หรือ สบ 6 จากเดิม 30,000 บาทเป็น 42,000 บาท ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนที่ได้สิทธิดังกล่าวมีจำนวน 12,230 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ร่างระเบียบเงินเพิ่มดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อน

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้แถลงในที่ประชุมรับทราบ 3 เรื่อง ประกอบด้วยการดำเนินการเลื่อนยศตำรวจชั้นประทวนที่มีอายุ 53 ปี ให้เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือ ร.ต.ต. เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจากการสำรวจปีนี้มีจำนวน 3,448 นาย เรื่องที่ 2 ความคืบหน้าการแต่งตั้งผู้ช่วยทูตตำรวจประจำสถานทูตไทยในประเทศจีน, สปป.ลาว, พม่า และกัมพูชา ซึ่งต้องมีคุณสมบัติเป็น รองผบก. และมีความรู้ในภาษาต่างประเทศ และเรื่องสุดท้ายได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยารามคำแหง ให้ดำรงตำแหน่ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ซึ่ง ผศ.วุฒิศักดิ์สามารถเข้าร่วมการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น