สัตวแพทย์มวกเหล็กร้องกองปราบฯ พี่ชายเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ สงสัยภรรยาที่จดทะเบียนด้วยกันแต่ไม่มีลูกจะฆาตกรรมหลังแบ่งสมบัติให้กว่า 250 ล้าน และจัดการเรื่องงานศพโดยไม่ปรึกษาญาติ
วันนี้ (19 ก.ย.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพโรจน์ สนิทไชย อายุ 52 ปี นายสัตวแพทย์อาวุโส กรมปศุสัตว์ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี อยู่บ้านเลขที่ 223 ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เข้าพบ พ.ต.ท.วิหาร แสงมุกดา พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3 บก.ป.เพื่อให้สืบสวนสอบสวนคดี พล.ต.นาวี สนิทไชย อายุ 56 ปี นายทหารนอกราชการ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒ ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา พี่ชายที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ
นายไพโรจน์กล่าวว่า ครอบครัวของตนมีพี่น้อง 7 คน ผู้ตายเป็นคนที่ 3 และเคยเป็นทหารอยู่ที่ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒ ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา แต่ได้ขอเออร์ลีรีไทร์ออกมา ทั้งนี้ตระกูลของตนเป็นตระกูลเก่าแก่ใน อ.มวกเหล็ก มีที่ดินหลายร้อยไร่ และได้บริจาคให้สร้างสถานที่ราชการกว่า 100 ไร่ และลูกๆ ได้รับมรดกส่วนแบ่งคนละร้อยกว่าไร่ โดยมารดามอบหมายให้ตนดูแลเรื่องมรดกของครอบครัวเนื่องจากไม่ต้องการให้ลูกๆ ขายมรดกของตระกูลไปให้คนอื่น
นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า พี่ชายได้แต่งงานและมีลูกกับภรรยาคนแรกจำนวน 2 แต่ไม่ได้จดทะเบียนกัน จากนั้นเมื่อปี 2533 พี่ชายได้มาแต่งงานอยู่กินกับนางพัชนี จิวะวิทูรกิจ อายุ 52 ปี อีกคน และได้จดทะเบียนด้วยกันแต่ไม่มีลูก ต่อมาเมื่อ 4 ปีที่แล้วพี่ชายได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์และโรคหัวใจ หมอต้องทำการผ่าตัดบายพาสหัวใจจนอาการปลอดภัย แต่ก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ระหว่างที่พี่ชายป่วยอยู่นั้นตนเห็นนางพัชนีพูดจาข่มขู่ว่าจะทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว อีกทั้งยังตบตีพี่ชายตนอีกด้วย จากนั้นพี่ชายได้ทำกายภาพบำบัดจนหายเกือบเป็นปกติ และเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตนยังเห็นพี่ชายดายหญ้าหน้าอยู่หน้าบ้าน กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา มีคนโทรศัพท์มาบอกว่าพี่ชายเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา หลังทราบข่าวตนงงมากเพราะบ้านอยู่ใกล้กับพี่ชายแต่กลับไม่รู้เรื่องเลย
นายไพโรจน์กล่าวอีกว่า หลังทราบข่าวตนและญาติพี่น้องได้ร่วมประชุมกัน และได้จองศาลาวัดใน อ.มวกเหล็กไว้ จากนั้นก็พากันไปที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี เพื่อรับศพพี่ชายกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด เมื่อไปถึงตนได้ถามสาเหตุการตาย แต่ไม่มีหมอคนไหนบอกได้ นอกจากนี้ตนทราบอีกว่าพี่ชายเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน แต่ตนมารู้ข่าววันที่ 15 กันยายน
“เมื่อผมขอนำศพพี่ชายนำมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ทางโรงพยาบาลกลับปฏิเสธ โดยอ้างว่าภรรยาของผู้ตายห้ามไม่ให้ใครนำศพออกไป ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้ทราบว่าศพของพี่ชายตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นคราชสีมา อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนทราบว่าพี่ชายได้โอนทรัพย์สินหลายรายการให้ นางพัชนี รวมทั้งที่ดินจำนวน 50 กว่าไร่ ใน อ.มวกเหล็ก มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท ด้วย ส่วนภรรยาคนแรกและลูกทั้งสองคนกลับไม่ได้สมบัติอะไรเลย ทั้งนี้ผมอยากให้ตำรวจกองปราบปรามช่วยสอบสวนหาสาเหตุการตายของพี่ชายด้วย เพื่อความสบายใจของญาติพี่น้อง เพราะนางพัชรีไม่ได้บอกอะไรหรือให้ความร่วมมือกับพวกเราเลย” นายไพโรจน์กล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้เบื้องต้น ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการทางคดีต่อไป
