เจ้าของไร่สับปะรดร่แจ้ง ตร.นนท์ พบรถลูกชายที่หายตัวไปที่ จ.เพชรบุรี อย่างไร้ร่องรอยนานกว่า 3 ปียังไม่ทราบชะตากรรม จอดทิ้งอยู่ในโรงรถบ้านที่นนทบุรี
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่สภ.เมืองนนทบุรี นายสว่าง นุ่มจุ้ย อายุ 55 ปี อาชีพเจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และน.ส.วิมล นุ่มจุ้ย อายุ 37 ปี บุตรสาว ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.มนัส นิลกลัด สารเวร สภ.เมืองนนทบุรี ว่าได้พบรถกระบะของลูกชายที่ใช้ขับเป็นประจำก่อนหายตัวไปพร้อมแฟนสาวเมื่อ 3 ปีที่แล้วจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม โดยได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าไม้ลวก จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 52 ก่อนจะมาพบถูกจอดทิ้งไว้ในบ้านเลขที่ 125/53 และ 125/2 ซ.กรุงเทพนนท์ 1 ถ.กรุงเทพนนท์ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรีทราบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ร.ต.อ.ศุภกิจ ชุ่มแจ่ม รอง สว.สส.พร้อมหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรีเลขที่ 1843/2555
เมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าวซึ่งอยู่สุดซอย พบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาด 100 ต.ร.ม. ภายในบ้านมีโรงจอดรถโดยมีรถกระบะของผู้เสียหายจอดอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่จึงพยายามเรียกเจ้าของบ้านแต่ไม่มีใครออกมา จึงสอบถามจากเพื่อนบ้านใกล้เคียงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนอยู่อาศัยมานานกว่า 3 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานให้ผู้นำชุมชุนเข้ามาเป็นพยานในการตัดแม่กุญแจที่คล้องล็อกประตูบ้านหลังดังกล่าวอยู่ออก ก่อนนำนายสว่างพ่อผู้เสียหายเข้าไปภายในโรงรถเพื่อตรวจสอบรถกระบะคันดังกล่าวอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ สีบรอนซ์เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ถูกถอดล้อรถออกทั้ง 4 ล้อสภาพรถมีฝุ่นจับทั้งคัน ซึ่งนายสว่างยืนยันว่ารถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถของนายสามารถ นุ่มจุ้ย อายุ 27 ปี บุตรชายที่ขับออกไปพร้อมนางอรษา เกิดทรัพย์ อายุ 27 ปี แฟนสาว ก่อนหายตัวไปอย่างไรร่องรอยจนถึงทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานนำรถยกมายกรถคันดังกล่าวมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียด
ด้าน นายสว่างกล่าวว่า ตนและบุตรสาวได้ออกติดตามหาตัวนายสามารถมานานกว่า 3 ปีแล้ว ตั้งแต่หายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.52 โดยก่อนเกิดเหตุนายสามารถมาบอกตนว่าจะไปตัดต้นกระถินที่ไร่ของแม่แฟนและจะแวะเข้ามาหา แต่จนกระทั่งเย็นก็ไม่เห็นบุตรชายมา จึงได้โทรศัพท์หาทั้งของลูกชายและลูกสะใภ้ แต่ก็พบว่าโทรศัพท์ถูกปิดเครื่อง จึงได้ขับรถเข้าไปดูที่ไร่ก็พบเพียงกองไม้ต้นกระถินที่ลูกชายตัดไว้แต่ไม่พบตัวลูกชายและลูกสะใภ้ จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าไม้ลวก และออกติดตามหามาตลอด จนกระทั่งรู้จากพลเมืองดีคนหนึ่งว่ารถของลูกชายจอดอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวจึงเดินทางมาดูและเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ให้ช่วยติดตามตัวลูกชายและลูกสะใภ้
ด้าน น.ส.วิมลกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่พบรถของน้องชาย แต่ก็อยากทราบว่าตอนนี้น้องชายและน้องสะใภ้เป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน ซึ่งถ้าหากน้องชายและน้องสะใภ้เสียชีวิตแล้วก็อยากรู้ว่าศพอยู่ที่ไหนจะได้นำศพมาทำพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนเรื่องทางคดีก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวว่าใครเป็นเจ้าของบ้านก่อนจะออกหมายเรียกมาให้ปากคำว่ารถคันดังกล่าวเข้าไปจอดอยู่ภายในบ้านได้อย่างไร และจะรอผลการตรวจจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานว่าพบร่องรอยการต่อสู้ถูกทำร้ายหรือถูกฆาตกรรมหรือไม่