ไขปริศนาคดี “ภาวนา” ดับ จมน้ำหรือถูกฆาตกรรมอำพราง

กระบวนการยุติธรรม//

เช้ามืด(10ก.ย.)เวลาประมาณ 03.00 น.พนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตในบ้านเลขที่ 44/42 หมู่ 1 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นร้านเปิดขายส้มโอ ชื่อ คุ้มส้มโอ 1 มีอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 15 ไร่ ภายในแบ่งสร้างโครงการร้านอาหารขนาดใหญ่ ร้านคาราโอเกะ โรงนวด โรงอู่ซ่อมรถ ข้างบ้านมีบ่อน้ำพุขนาด 10 เมตร ลึก 1.9 เมตร มีรูปปั้นองค์เจ้าแม่นมสาวตั้งอยู่ในบ่อน้ำ ด้านหน้าปลูกสร้างเป็น บ้านพักติดหน้าต่างรอบด้าน และมีกล้องวงจรปิดติดอยู่หลายตัว

พบศพผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณขอบบ่อ ใกล้กันพบรองเท้าแตะของผู้ตาย และขันตักน้ำพลาสติก 1 ใบ ทราบชื่อในภายหลังคือนางอรัญญาภรณ์ เหล่าแสงทอง ชื่อเล่น หยิน หรือ"ภาวนา ชนะจิต" อายุ 69 ปี อดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของฉายา "ไข่มุกเอเชีย" สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมน้ำอยู่ในบ่อ สวมเสื้อ ยืด สีดำ คลุมทับด้วยเสื้อลายสกอตสีแดง นุ่งกางเกงลายพรางทหาร ตามร่างกายไม่มีบาดแผลและร่องรอยถูกทำร้าย ตัวซีด ริมฝีปากเขียวคล้ำ มือขวายังกำตะกร้า ขนมจีนใบเล็กไว้แน่น ใกล้กันพบรองเท้าสีชมพูของผู้ตาย เงินสด 60 บาท ยาดม 1 หลอด และขันน้ำพลาสติก 1 ใบตกอยู่ แพทย์ลงความเห็นเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-10 ช.ม.

แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยการเกิดอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต จึงได้ส่งศพอดีตนางเอกชื่อดังไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อความชัดเจนอีกครั้งว่ามีร่องรอยหรือบาดแผลใดๆ บ้างหรือไม่ หรือมีสารตกค้างในศพที่อาจจะนำมาสู่การติดตามหาประเด็นการเสียชีวิตครั้งนี้หรือไม่.....

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายณัฐพงษ์ หลวงศิริกุล อายุ 57 ปี สามีนอกสมรสที่อยู่ร่วมกันมา 10 ปี ไปทำการสอบสวน เพราะเป็นผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว และเป็นผู้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งยังมีประเด็นหลายอย่างที่ตำรวจยังสงสัยหลายอย่าง

ด้าน นายสุขุม เหล่าแสงทอง อายุ 64 ปี น้องชายผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ผู้ตายอาศัยอยู่กินกับนายณัฐพงษ์ มาร่วม 10 ปีแล้ว โดยกำลังลงทุนทำธุรกิจมากมายหลายโครงการ เช่น โรงอู่ซ่อมรถ สวนอาหารคาราโอเกะ โรงนวด ซุ้มกาแฟสด ปลูกสร้างอยู่ในเนื้อที่ 16 ไร่ แต่ยังไม่สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ ปัจจุบันจึงคล้ายที่พักร้าง ด้านหน้าริมถนนเปิดร้านขายส้มโอเพียงร้านเดียว

ขณะที่นางวรางคณา ศรีสมบุญ อายุ 37 ปี ลูกจ้างภายในบ้านเปิดเผยว่า ปกติทุกๆ วันเวลา 18.00 น.หลังปิดร้าน ตนจะคอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับผู้ตาย รวมถึงรายได้ค่าใช้จ่ายจากการขายส้มโอ แต่วันนี้ตนนั่งรออยู่นาน ออกเดินหาก็ไม่พบ กระทั่งเวลา 20.00 น. เกิดอาการร้อนใจรีบโทรศัพท์บอกญาติๆ ว่า ผู้ตายหายตัวไปหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ทำให้ญาติต่างตกใจรีบเดินทางมายังบ้านพักช่วยกันออกตามหา ซึ่งขณะนั้นนาย ณัฐพงษ์ ไม่อยู่บ้าน จนเวลา 21.00 น. นายณัฐพงษ์กลับเข้ามาบ้าน พบญาติๆ ของผู้ตายอยู่กันเต็มบ้านเกิดความไม่พอใจ ขับไล่ญาติพี่น้องผู้ตายจนเกิดมีปากเสียงกันจนญาติๆต้องวิ่งหนีแตกตื่นกันออกมา

สอบสวนนายอภิชา เหล่าแสงทอง อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารการตลาด มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 4 ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมผู้ตายให้การว่า ปกติคุณแม่จะอยู่กินกับนายณัฐพงษ์ ช่วยกันขายส้มโอ ส่วนตนพักอยู่ที่หอมีเวลาว่างก็จะมาหาแม่ เมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. คนงานได้โทรศัพท์บอกไม่รู้แม่หายไปไหน จึงได้แจ้งญาติมาช่วยหา แต่เมื่อมาถึงนายณัฐพงษ์กลับไม่พอใจ ดุด่าคนในบ้านว่าใครเป็นคนโทรศัพท์บอก และไล่ทุกคนให้กลับบ้านไป อ้างตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน คนอื่นห้ามเข้า ทุกคนก็เดินหารอบบ้านแต่ก็ไม่พบ ช่วยกันออกไปตามหาเมื่อประมาณ 03.00 น. นายณัฐพงษ์ก็บอกว่าพบแม่เสียชีวิตอยู่ในบ่อน้ำข้างบ้าน

หลังจากสถาบันนิติเวชวิทยา ผ่าชันสูตรศพผู้เสียชีวิต นายไวพจน์ เหล่าแสงทอง น้องชายนางภาวนาพร้อมกับญาติ ได้เดินทางมารับศพ ที่ระบุว่าเสียชีวิตเพราะการจมน้ำ แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อและหากมีหลักฐานอะไรเพิ่มก็จะนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับศพญาติจะทำพิธีรดน้ำศพที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ศาลา 16 และตั้งสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน จากนั้นจะเก็บไว้ 100 วันก่อนทำการฌาปนกิจต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รองผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวถึงการผ่าพิสูจน์ศพพบว่าเสียชีวิตเพราะจมน้ำ มีบาดแผลถลอกบริเวณใบหน้าและตามตัวเล็กน้อย มีแผลชกซ้ำที่ท้ายทอยเบาๆ ไม่ลึก ไม่มีบาดแผลรุนแรงที่เป็น ลักษณะเฉพาะบอกไม่ได้ว่ามีการถูกตีหรือถูกทำร้าย น่าจะเกิดจากการกระแทก พบมีน้ำอยู่ในปอดสันนิษฐานว่ามีการสำลักน้ำเข้าไปขณะที่มีชีวิตอยู่ แสดงให้ เห็นว่ายังหายใจอยู่ขณะที่อยู่ในน้ำ

“เราไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เราดูจากสภาพศพเท่านั้นซึ่งบอกได้แค่ว่าระหว่างที่อยู่ในน้ำยังหายใจอยู่เล็กน้อยจึงสำลักน้ำเข้าไปทำให้ปอดพอง และจากการตรวจสอบ ประวัติผู้ตายพบว่าผู้ตายมีอาการป่วย หลายโรคทั้งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง ตรวจหัวใจพบเส้นเลือดหัวใจตีบซึ่งต้องดูว่าจะเป็นสาเหตุนี้ร่วมด้วยหรือไม่” พ.ต.อ.พรชัยกล่าว

พ.ต.อ.พรชัยกล่าวอีกว่า เรื่องฆาตกรรมหรือไม่นั้นไม่ขอตอบเพราะไม่มีข้อมูลอื่นประกอบเลย แต่บาดแผลที่พบไม่รุนแรง เป็นเพียงแผลตื้นๆทั้งหมด ส่วนใหญ่ที่เราเห็นถ้าเป็นการทำร้ายร่างกายจะเป็นบาดแผลที่รุนแรงหรือใช้แรงค่อนข้างมาก วันนี้เราได้เก็บชิ้นเนื้อไปดูรอยช้ำต่างๆ เก็บเลือดไปตรวจ เก็บเล็บ ไปตรวจว่ามีดีเอ็นเอของคนอื่นหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จะเร่งให้เสร็จเพราะเป็นคดีที่ได้รับความสนใจ นอกจากนั้นก็ยังเก็บอาหารในกระเพาะมีเศษผัก และเนื้อไปตรวจด้วยเพื่อหาสารพิษต่างๆ ว่ามีหรือไม่

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเป็นลมแล้วจมน้ำ พ.ต.อ.พรชัยกล่าวว่า ก็อาจเป็นไปได้เพราะการเป็นลมก็ยังหายใจอยู่ช่วงหนึ่ง แต่หมดสติไม่รู้ตัวในเบื้องต้นอาจเป็นเหตุให้จมน้ำตายได้เหมือนกันซึ่งผลตรวจใจวันนี้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการฆาตกรรม สำหรับศพที่รับมาเริ่มเปลี่ยนสภาพคล้ายจะเน่าคาดว่าจะเสียชีวิตมาแล้วเกิน 24 ชั่วโมง

ต่อมา พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสอบสภาพศพของนางภาวนา รวมทั้งร่องรอยบาดแผลฟกช้ำที่เบ้าตาของศพ ก่อนจะกล่าวว่าได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ให้มาตรวจสอบ เนื่องจากเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ ทั้งนี้ ผลการตรวจร่างกายพบว่า ผู้ตายมีเส้นเลือดหัวใจและสมองตีบหลายจุด หรือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ที่ขอบบ่อพบรองเท้าแตะของผู้ตายด้วย อาจเป็นไปได้ว่าผู้ตายก้มลงไปเพื่อล้างมือ แต่เอื้อมไม่ถึงแล้วเกิดอาการวูบตกลงไปในบ่อก็เป็นได้ ทั้งนี้ ต้องขึ้นกับพยานหลักฐานอื่นๆ ที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้ด้วย ทั้งนี้ได้ให้ พฐ.ตรวจสอบใต้บ่อว่ามีท่อพลุว่าตรงกับขอบเบ้าตาของผู้ตายหรือไม่ด้วย

ขณะที่มีรายงานแจ้งว่า พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผบช.สพฐ.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณบ่อน้ำที่เกิดเหตุ พบว่าลักษณะของบ่อไม่ได้มีเพียงแต่น้ำ เท่านั้น มีแท่งซีเมนต์น้ำพุอยู่ใต้น้ำ จึงได้สั่งการให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ทำการสูบน้ำเพื่อทำการตรวจสอบหาจุดหรือตำแหน่งที่ผู้ตายเสียชีวิต เบื้องต้น สันนิษฐานว่าอาจจะมีการกระแทกกับเข้าบริเวณดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากบริเวณศพที่รอยฟอกซ้ำบริเวณตาซ้ายมีลักษณะเป็นวงกลม ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจสอบจากทางสถาบันนิติเวชวิทยาว่า เป็นการจมน้ำหรือใครทำให้เกิด เหตุการณ์ดังกล่าว

ขณะที่ทางญาติของผู้ตายตั้งข้อสังเกตว่า ช่วง 4-5 เดือนก่อนที่พี่สาวจะเสียชีวิต ทะเลาะมีปากเสียงกับสามีที่อยู่ด้วยกันตลอดเกือบทุกวันแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร และมีข้อสงสัยที่สามีจ้างลูกจ้างชาวพม่ามาอยู่ในบ้านนับ 10 คน และไล่แม่บ้านที่พี่สาวจ้างมาออกไปหลายคน ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์พบว่าผู้ตายมีทรัพย์สินเก็บเอาไว้จำนวนมหาศาล เช่น รถยนต์เก่าและใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 คัน โฉนดที่ดินย่านธุรกิจหลายแห่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมมูลค่านับพันล้านบาท จึงเชื่อว่าพี่สาวถูกฆาตกรรม

ด้านสามีนอกสมรสยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของอดีตนางเอก และช่วงเกิดเหตุไม่ได้อยู่ พร้อมทั้งชี้แจงถึงการใช้อาวุธปืนข่มขู่ในวันเกิดเหตุ ว่าเป็นเพราะถูกญาติเมียพูดจาดูถูกว่าเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกิน แถมญาติคนหนึ่งยังฉกเอากระเป๋าของผู้ตายซึ่งมีเงินสด 2 แสนบาท สร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองอีกหลายเส้น รวมทั้งโฉนดที่ดินอีกหลายแปลง ก่อนนำโซ่มาคล้องประตูบ้าน จึงใช้ปืนแก๊ปยิงขู่เท่านั้น โดยจะเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีแน่นอนหากไม่นำกระเป๋ามาคืน

นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้นจากเสียชีวิตของอดีตนางเอกดาวค้างฟ้า ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ต้นสายปลายเหตุเป็นเพราะอะไร จมน้ำตายหรือฆาตกรรมอำพราง แต่ที่แน่ๆ ก็คือคงจะต้องเป็นคดีความกันต่อไปอีกยาว เพราะทั้งฝ่ายญาติ ลูกบุญธรรมและสามีนอกสมรสได้เปิดศึกฟ้องร้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว