มารศาสนาขโมยพระพุทธรูปพระปางลีลา มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท หายไปจากพระอุโบสถวัดสำเหร่ สุดแสบงัดกลอนประตูโบสถ์ เจ้าอาวาสแฉโจรชุมวัด ลักเล็กขโมยน้อยอื้อ! หลังเจ้าอาวาสรูปก่อนถูกฆาตกรรมคาโบสถ์ โวย ตร.ไร้น้ำยาจับฆาตกรไม่ได้ บ่นหลังจากนี้คงไม่ขอพึ่งใครจะออกเดินตามหาของหายเองตามตลาดขายของมือสอง!!!
วันนี้ (11 ก.ย.) เวลา 14.00 น. พระพิศาลประชานารถ เจ้าอาวาสวัดสุทธาราม (วัดสำเหร่) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าพระพุทธรูปพระปางลีลา มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ได้หายไปจากพระอุโบสถ จึงไปตรวจสอบภายในพระอุโบสถประจำวัด พบว่าประตูบริเวณหลังโบสถ์พระอุโบสถซึ่งอยู่หลังพระพุทธรูปกลอนประตูถูกปลดล็อก ส่วนบนโต๊ะหมู่บูชาพบว่าพระพุทธศรีเสถียรชัยยุทธมงคล ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลา สูงประมาณ 3 ฟุต หล่อด้วยเงินบริสุทธิ์น้ำหนักประมาณ 45 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาทได้หายไป
พระพิศาลประชานารถเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าเวลา 08.50 น.ที่ผ่านมา พระที่ดูแลพระอุโบสถดังกล่าวได้มาเปิดเพื่อให้พระภายในวัดประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา แต่กลับพบว่าพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวได้หายไปจากฐานโต๊ะหมู่ที่ตั้งแล้ว ส่วนกลอนประตูด้านหลังก็ถูกปลดล็อก โดยปกติพระอุโบสถดังกล่าวจะถูกล็อกไว้อย่างดีเนื่องจากภายในมีพระสำคัญโบราณเป็นจำนวนมาก ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ให้พระอยู่เฝ้านั้นสาเหตุจากเป็นห่วงความปลอดภัยของพระสงฆ์ เนื่องจากเมื่อปี 2537 เจ้าอาวาสรูปก่อนได้ถูกฆาตรกรรมและคนร้ายได้ขโมยเงินบริจาคไป จนทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้
หลังจากนั้นมาพระโบราณต่างๆ ภายในวัด รวมถึงฐานโต๊ะหมู่บูชาโบราณที่ทำจากไม้ชิงชังฝังมุกก็ถูกคนร้ายขโมยเรื่อยมา แม้กระทั่งตู้เงินรับบริจาค หรือตาลปัตรที่ด้ามเป็นมุกก็ถูกขโมยไปเหลือทิ้งไว้แต่ตัวพัดให้ดูต่างหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เจ้าภาพที่จัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้สักการะยึดถือยึดเหนี่ยวจิตใจ
นอกจากพระพุทธรูปและทรัพย์สินภายในวัดจะหายแล้วนั้น ติดกันซึ่งเป็นคลินิกสำหรับล้างไตของผู้ป่วยที่ทางวัดจัดสร้างขึ้นนั้น ลิ้นชักสำคัญที่เก็บเอกสารรวมถึงเงินก็ถูกขโมยเช่นกัน ทั้งนี้ทางวัดถูกขโมยทุกอย่างจนนับครั้งไม่ถ้วน และไม่เคยจับได้เลย
“อยากฝากให้คนที่ขโมยให้สำนึกอย่าให้กิเลสหรือความยากจนเข้าครอบคลุมจิตใจ เมื่อสำนึกแล้วถ้าอยากนำมาคืนก็สามารถนำมาคืนได้ โดยหลังจากนี้อาตมาจะหาเวลาว่างไปเดินตามตลาดนัดมือสองที่ขายของเก่า เพราะอาจจะเจอของที่หายไปก็เป็นได้เพราะตอนนี้ไม่อาจจะพึ่งใครได้แล้ว” พระพิศาลประชานารถกล่าว