ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สวป.ทองหล่อสับเปลี่ยนผู้ต้องหาคดีกระทิงแดง ผิดวินัยร้ายแรง สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนผลตรวจทายาทเจ้าสัวมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่า กม.กำหนด จึงแจ้งข้อหาเพิ่ม แฉข้อต่อสู้ทนายอ้างดื่มหลังเกิดเหตุเพราะเครียดถือเป็นสิทธิ
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและสอบสวน และ พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 ได้ร่วมสรุปผลการสอบสวนวินัย พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ หลังจากนำตัวนายสุเวศ หอมอุบล พ่อบ้านของตระกูลอยู่วิทยา ซึ่งไม่ใช่คนขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตัวจริงมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ทางคณะกรรมการตัวสอบข้อเท็จจริงได้ส่งสำนวนดังกล่าวมาแล้วแต่ส่งมาตามสายงานไปยัง บก.น.5 โดยทางบก.น.5 ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ และสรุปว่า พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ มีมูลกระทำความผิดจริงและให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะหากให้รับราชการอยู่อาจเกิดความเสียหายได้และกระทบต่อการสอบสวนทางวินัยและกระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน พล.ต.ต.กฤษฏิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความเห็นพ้องต้องกันว่า พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพส่อเจตนาช่วยเหลือผู้กระทำผิดไม่ให้รับโทษ มีความผิดขั้นรุนแรง จึงเสนอรายงานขึ้นมา พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความผิดวินัยอย่างรุนแรงอีกชุด โดยมีรอง ผบก.น.5 จำนวน 10 ท่าน มี พ.ต.อ.สุนทร เขมะประภา รอง ผบก.น.5 เป็นหัวหน้าชุด โดยจะใช้เวลาสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 30 วัน
พล.ต.ต.อนุชัยเปิดเผยว่า เรื่องคดีความนั้น นายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่ากฎหมายกำหนด และได้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา ซึ่งก่อนหน้านั้นได้แจ้งข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต” ซึ่งโทษรวมจะเพิ่มขึ้น อัตราขั้นต่ำ 3 ปี และสูงสุดถึง 10 ปี ส่วนผลตรวจสอบความเร็วของรถคันเกิดเหตุนั้น ยังไม่ออกมา
พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวอีกว่า เรื่องการปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว เป็นสิทธิตามกฎหมาย ที่ตัวผู้ต้องหายื่นประกันได้ ทางพนักงานสอบสวนต้องพิจารณาตามกฎหมาย ป.วิอาญา คือ ถ้ามีหลักทรัพย์และผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนีก็สามารถประกันตัวได้ ส่วนมีเจตนาก่อเหตุหรือไม่นั้น เบื้องต้นหลักฐานยังไม่เพียงพอ
“ในรายละเอียดบางอย่างไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะทางผู้ต้องหาก็ต้องต่อสู้คดีอาจทำให้ทางฝ่ายผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยทางสำนวนคดีเชื่อว่าจะไม่มีการเบี่ยงเบนและความเป็นธรรมต้องเกิด เพราะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย”
ก่อนหน้านั้น พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ ได้เดินทางมาที่ บช.น.เพื่อส่งสำนวนคดีดังกล่าวพร้อมเปิดเผยว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พอใจผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ที่นำตัวพ่อบ้านตระกูลอยู่วิทยามามอบตัวแทนผู้ต้องหาตัวจริง ซึ่งทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้แนบความเห็นว่าโดยตำแหน่งหน้าที่แล้วควรมีวิจารณญาณในการพิจารณาได้ว่าผู้ที่มามอบตัวเป็นตัวปลอมหรือไม่ จึงให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมยืนยันว่าการสอบสวนดำเนินการตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ไม่มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด
“ส่วนข้อต่อสู้ของทางทนายที่ระบุว่าปริมาณแอลกอฮอล์ที่พบเป็นการดื่มหลังเกิดเหตุ เพราะเครียดนั้นเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถให้การได้ แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นศาลก็จะมีการนำสืบพยานต่อไป นอกจากนี้ กรณีพ่อบ้านที่อ้างว่าตัวเป็นคนขับรถแต่กลับคำให้การในชั้นอัยการว่าไม่ได้ให้การเท็จจริงต่อพนักงานสอบสวน ในส่วนของการสอบวินัยพ่อบ้านจะต้องมาให้การกับคณะกรรมการสอบวินัยและขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลอีกครั้ง” ผกก.สน.ทองหล่อกล่าว