รวบคาเครื่องแบบ! สีกากีตั้งแก๊งอุ้มชาวบ้านรีดทรัพย์

จับนายดาบโรงพักสามเสนคาเครื่องแบบ หลังร่วมกับพวกอุ้มเสี่ยรับเหมา โดยอ้างว่าเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดเชิญผู้เสียหายไปสอบสวนที่โรงพักเนื่องจากสงสัยพัวพันยานรก จากนั้นได้ข่มขู่ให้เหยื่อบอกรหัสเอทีเอ็มก่อนทำการโอนเงินเหยื่อเข้าบัญชีตัวเอง พบผู้เสียหายกว่า 40 ราย มูลค่าเสียหายกว่า 2 ล้านบาท

วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.  พ.ต.ท.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล สว.สส.สน.ธรรมศาลา  นำกำลังจับกุม ด.ต.วีระพงศ์ แซมสีม่วง อายุ 46 ปี ผบ.หมู่ งานป้องกันและปราบปราม สน.สามเสน นายหล้า สีวิชัย อายุ 37 ปี และ  นายณัฐฐาวุฒิ วนิชยากรชัย อายุ 42 ปี  พร้อมของกลางรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน โดยจับกุมได้ที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันอุ้มตัว นายสมหมาย ลุงยี อายุ 35 ปี อาชีพรับเหมาทาสี จากหมู่บ้านซีเมนต์ไทย ซอย  22  แขวงและเขตบางซื่อ  กทม.ขณะกำลังมาดูแลงานรับเหมาทาสี โดย ด.ต.วีระพงศ์ทำหน้าที่ขับรถและแต่งกายชุดตำรวจเต็มยศ อ้างว่าเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด และผู้เสียหายต้องสงสัยเป็นแก๊งค้ายาเสพติด พร้อมกับเชิญตัวไปโรงพัก แต่ระหว่างอยู่ในรถกลุ่มผู้ต้องหาได้ข่มขู่ให้นายสมหมายบอกรหัสเอทีเอ็ม ด้วยความกลัวผู้เสียหายจึงบอกไป จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้โทรศัพท์ผู้เสียหายทำการโอนเงินผ่านทางโทรศัพท์ ได้เงินจำนวน 87,000 บาท ก่อนนำนายสมหมายมาทิ้งไว้ที่ย่านพุทธมณฑลสาย 3  แล้วขับรถหลบหนีไป

นายสมหมาย ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนมีชีพรับเหมาทาสีตามบ้านต่างๆ โดยเมื่อช่วงประมาณปลายเดือน เม.ย. 55 ตนได้รับโทรศัพท์ว่าจ้างจากลุ่มผู้ต้องหาให้มาทาสีที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านซีเมนต์ไทย จากนั้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา จึงเดินทางไปดูงานที่บ้านซอยดังกล่าว เมื่อตนมาถึงปากซอยตนก็ได้โทรศัพท์ไปหากลุ่มผู้ต้องหา จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาบอกให้ตนเดินมาที่ซอย 22 เมื่อตนมาถึงก็ถูกอุ้มขึ้นรถและบังคับข่มขู่ให้บอกรหัสเอทีเอ็มดังกล่าว
 
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 2 ปี เมื่อได้ทรัพย์สินมาก็จะนำมาแบ่งกัน โดยนำเงินไปเที่ยวเตร่ และใช้หนี้พนันฟุตบอล ส่วนสาเหตุที่แต่งชุดตำรวจนั้นก็เพราะว่าง่ายต่อการหลอกลวงเหยื่อ

จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหานั้นได้ก่อเหตุมาแล้วหลายท้องที่ทั้งใน กรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีผู้เสียหายกว่า 40 ราย มูลค่าเสียหายกว่า 2 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันกักข่วงหน่วงเหนี่ยว ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป