สตช.เตือน ปชช.อย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างโครงการพระราชดำริ โดยใช้ชื่อว่าธนาคารหมู่บ้านไบโอดีเซลและสหกรณ์เพื่อไทย-กลุ่มสหกรณ์พลังแม่น้ำแผ่นดินสีเขียว หลอกลวงเงินทั้งที่สำนักพระราชวังยืนยันแล้วว่าไม่อยู่ในสารบบพร้อมแจ้งดำเนินความดำเนินคดีทันที
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างโครงการพระราชดำริไปแสวงหาผลประโยชน์ว่า เรื่องดังกล่าวทางตำรวจสันติบาลได้มีการสืบสวนจนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างใช้ชื่อโครงการพระราชดำริไปหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด ได้แก่ โครงการธนาคารหมู่บ้านไบโอดีเซลและสหกรณ์เพื่อไทยตามแนวพระราชดำริ ที่มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์ และตราพระราชพิธีกาญจนาภิเษกไปใช้โดยพลการ พร้อมทั้งแอบอ้างสำนักพระราชวังเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในการชักชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยประชาชนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวต้องจ่ายค่าขึ้นป้ายรายละ 7,000 บาท เพื่อแลกกับการรับซื้อหนี้ 3 เท่า พักหนี้ 5 ปี หากเป็นประธานและกรรมการจะได้รับเงินเดือน 15,000 -30,000 บาท เมื่อเกษียณจะได้รับเงินเดือนอีกเดือนละ 15,000 บาท มีผู้ตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักพระราชวัง สำนักราชเลขาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการพระราชดำริ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าโครงการดังกล่าวที่บุคคลเหล่านี้เอาไปแอบอ้างไม่มีอยู่ในสารบบของโครงการพระราชดำริ
โฆษก ตร.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสหกรณ์พลังแม่น้ำแผ่นดินสีเขียว จำกัด ที่มีพฤติการณ์แอบอ้างสถาบันเช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าหากลงทะเบียนคนละ 1,000 บาท จะได้รับจัดสรรที่ดินจากรัฐบาลรายละ 10 ไร่ เป็นเรื่องต่อเนื่องมา 2-3 ปี แต่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามกระทรวงมหาดไทยได้มีการออกประกาศเตือนประชาชนเมื่อปี 2553 ขณะที่เมื่อปี 2554 ตำรวจ สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ได้ดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วบางส่วน แต่ปรากฏว่าช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา ยังมีการร้องเรียนว่ายังมีการใช้ชื่อโครงการนี้ไปหลอกลวงประชาชน ทางกองบัญชาตำรวจสันติบาลจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าหากมีการแอบอ้างทั้ง 2 โครงการดังกล่าว ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด หากคนที่ถูกหลอกลวงสามารถเข้าร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจทุกแห่งเพื่อที่จะได้ติดตามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้มาดำเนินคดี ก่อนที่จะบุคคลอื่นได้รับความเสียหายเพิ่มอีก
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างโครงการพระราชดำริไปแสวงหาผลประโยชน์ว่า เรื่องดังกล่าวทางตำรวจสันติบาลได้มีการสืบสวนจนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างใช้ชื่อโครงการพระราชดำริไปหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด ได้แก่ โครงการธนาคารหมู่บ้านไบโอดีเซลและสหกรณ์เพื่อไทยตามแนวพระราชดำริ ที่มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์ และตราพระราชพิธีกาญจนาภิเษกไปใช้โดยพลการ พร้อมทั้งแอบอ้างสำนักพระราชวังเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในการชักชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยประชาชนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวต้องจ่ายค่าขึ้นป้ายรายละ 7,000 บาท เพื่อแลกกับการรับซื้อหนี้ 3 เท่า พักหนี้ 5 ปี หากเป็นประธานและกรรมการจะได้รับเงินเดือน 15,000 -30,000 บาท เมื่อเกษียณจะได้รับเงินเดือนอีกเดือนละ 15,000 บาท มีผู้ตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักพระราชวัง สำนักราชเลขาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการพระราชดำริ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าโครงการดังกล่าวที่บุคคลเหล่านี้เอาไปแอบอ้างไม่มีอยู่ในสารบบของโครงการพระราชดำริ
โฆษก ตร.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสหกรณ์พลังแม่น้ำแผ่นดินสีเขียว จำกัด ที่มีพฤติการณ์แอบอ้างสถาบันเช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าหากลงทะเบียนคนละ 1,000 บาท จะได้รับจัดสรรที่ดินจากรัฐบาลรายละ 10 ไร่ เป็นเรื่องต่อเนื่องมา 2-3 ปี แต่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามกระทรวงมหาดไทยได้มีการออกประกาศเตือนประชาชนเมื่อปี 2553 ขณะที่เมื่อปี 2554 ตำรวจ สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ได้ดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วบางส่วน แต่ปรากฏว่าช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา ยังมีการร้องเรียนว่ายังมีการใช้ชื่อโครงการนี้ไปหลอกลวงประชาชน ทางกองบัญชาตำรวจสันติบาลจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าหากมีการแอบอ้างทั้ง 2 โครงการดังกล่าว ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด หากคนที่ถูกหลอกลวงสามารถเข้าร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจทุกแห่งเพื่อที่จะได้ติดตามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้มาดำเนินคดี ก่อนที่จะบุคคลอื่นได้รับความเสียหายเพิ่มอีก