xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านร้องกองปราบฯ ถูกมาเฟียคุกคามสั่ง 40 ชายฉกรรจ์ทำลายรั้วบ้าน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ชาวบ้านเข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบฯถูกมาเฟียคุกคามสั่งชายฉกรรจ์กว่า 40 คนเข้ารื้อรั้วบ้่านและทำลายทรัพย์สิน
ทุกข์ชาวบ้าน! ชาวบ้านร้องขอความเป็นธรรมต่อตำรวจกองปราบฯ เช้าวันนี้ถูกมาเฟียนักธุรกิจห้องแถวคุกคามสั่งชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่งชุดดำกว่า 40 คนเข้ารื้อทำลายรั้วบ้านพร้อมสิ่งของหลังบ้านเสียหาย หวังงาบเปิดเป็นถนนผ่านหน้าตึกแถวโกยราคา ชี้ที่ดินมีปัญหาฟ้องร้องในศาลแพ่งเรื่องกรรมสิทธิ์ครอบครองกับกรมบังคับคดี ยันไอ้โม่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย

วันนี้ (14 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นางกมลทิพย์ ปิยวุฒิเศรษฐ์ อายุ 50 ปี น.ส.รัศมี ยังกิเร อายุ 39 ปี และนายสุทัศน์ พูลเกษม อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 40/226, 40/228 และ40/264 หมู่บ้านเข็มเพชร ซอยรามคำแหง 58/3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.เข้าพบ พ.ต.ท.ศราวุธ โชติสุวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำหลายสิบคนที่เข้ารื้อรั้วสังกะสีและทำลายทรัพย์สินที่วางอยู่หลังบ้านของบุคคลทั้งสามถึง 2 ครั้ง ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการไต่สวนผู้ครอบครองในชั้นศาลแพ่ง และจะมีคำตัดสินช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้

นางกมลทิพย์กล่าวว่า ครอบครัวรวมทั้งเพื่อนบ้านอีก 2 รายที่เข้าแจ้งความในครั้งนี้อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาไม่ต่ำกว่า 25 ปี โดยหลังบ้านของแต่ละคนซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 37 ตารางวาก็มีการต่อเติมเป็นห้องครัว โรงรถ ที่เก็บของมานานแล้ว ส่วนพื้นที่ฝั่งตรงข้ามเป็นสนามหญ้า สนามเด็กเล่นที่หมู่บ้านทำไว้ แต่ต่อมาบริษัท เข็มเพชร เจ้าของหมู่บ้าน ไม่เสียภาษีที่ดินที่ทำสนามเด็กเล่น และประสบภาวะล้มละลาย ทำให้ที่ดินผืนที่ทำสนามเด็กเล่นถูกสำนักงานสรรพากรกรุงเทพฯ ยึดขายทอดตลาดโดยมีนักธุรกิจรายหนึ่งซื้อมาสร้างอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 9 คูหา ซึ่งหน้าอาคารของเขากับหลังบ้านพวกตนกับบ้านหลังอื่นๆ รวม 14 หลัง เนื้อที่กว้างประมาณ 8 เมตร ยาวประมาณ 300 เมตรกั้นกลางอยู่ แต่เป็นพื้นที่ซึ่งพวกตนต่อเติมมานานแล้ว แต่นักธุรกิจคนนี้ต้องการนำมาทำถนนผ่านหน้าอาคาร ทั้งที่ไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าว

นายกมลทิพย์กล่าวต่อว่า บ้านหลังอื่นๆ นั้นไม่ค่อยมีปัญหาเพราะเจ้าของบ้านไม่อยู่บ้าน และบางหลังก็กลายเป็นบ้านเช่าไปแล้ว แต่บ้านตนกับเพื่อนบ้านอีก 2 หลังซึ่งอยู่ประจำและมีการต่อเติมอาคารออกมาจึงเกิดปัญหา โดยนักธุรกิจรายนี้ได้ทำเรื่องร้องเรียนสำนักงานเขตบางกะปิว่าพวกตนต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพวกตนก็ยอมรับและได้ทำการรื้อถอนโครงสร้างไปแล้ว เหลือเพียงของใช้อื่นๆ ที่ยังวางทิ้งไว้ แต่ก็ติดปัญหาเพราะที่ดินผืนนี้ตนได้ฟ้องศาลแพ่งขอให้ไต่สวนว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากครอบครองมานานกว่า 10 ปี แต่กองล้มละลาย 2 กรมบังคับคดี ซึ่งยึดที่ดินผืนนี้มาจากบริษัท เข็มเพชร หลังจากล้มละลาย ได้ยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลจึงนัดไต่สวนวันที่ 6-8 พฤศจิกายนนี้

นางกมลทิพย์กล่าวว่า ยังไม่ถึงวันไต่สวนว่าใครจะมีสิทธิครอบครองที่ดินผืนนี้ ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบคนบุกเข้ามารื้อรั้วสังกะสี และทำลายทรัพย์สินของพวกตนถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลา 06.00 น. กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำ สวมผ้าคลุมศีรษะและใบหน้าประมาณ 70 คน ถือค้อน ชะแลง มีด บุกเข้ามารื้อรั้วทำลายทรัพย์สินที่วางอยู่หลังบ้านพวกตนทั้ง 3 หลังจนเสียหาย พวกตนก็ล้อมรั้วสังกะสีขึ้นมาใหม่ ปรากฏว่าเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (14 สิงหาคม) ชายฉกรรจ์ประมาณกว่า 40 คนก็บุกเข้ามารื้อทำลายอีก

“ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งแรกได้ไปแจ้งความที่ สน.หัวหมาก แต่ตำรวจบอกว่าขอเวลาไปเจรจากับนักธุรกิจคู่กรณีรายนี้ก่อน ซึ่งนักธุรกิจคนดังกล่าวก็ยอมรับว่าเป็นคนสั่งให้กลุ่มชายฉกรรจ์มาก่อเหตุดังกล่าว พวกฉันจึงแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ กระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำสอง ซึ่งพวกฉันเห็นว่าเป็นการกระทำที่ใช้อิทธิพลข่มขู่ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับที่ดินดังกล่าว และกระบวนการพิสูจน์การครอบครองที่ดินในชั้นศาลยังไม่เสร็จสิ้น พวกฉันจึงนำหลักฐาพภาพถ่ายที่บันทึกไว้ รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม” นางกมลทิพย์ระบุ

เบื้องต้น พ.ต.ท.ศราวุธได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว หากพบว่ามีมูลจะเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น