เกิดเหตุผู้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืนดับปริศนาคาห้องแฟนสาววัยรุ่นที่กำลังคบหา หลังดอดไปส่งอยู่เป็นประจำ แม่ผู้ตายติดใจไม่เชื่อลูกทำปืนลั่นเอง หวั่้นมีเงื่อนงำซ่อนเร้น หลังเคยเตือนไม่ให้ไปบ้านแฟนสาวบ่อยนัก
วันนี้ (6 ส.ค.) เวลา 12.30 น. พ.ต.ท.ชัยรินทร์ พัฒนะ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ลำหิน ได้รับแจ้งเหตุปืนลั่นมีผู้ได้รับบาดเจ็บในห้องนอน บ้านเลขที่ 13 หมู่ 7 ถ.แขวงคูฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลำหิน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ
ที่เกิดเหตุในห้องนอนพบเพียงกองเลือด และปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอกตกอยู่ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ผู้ถูกยิงเพื่อนบ้านนำตัวส่ง รพ.นพรัตนราชธานี ย่านคันนายาว ทราบชื่อต่อมา คือ นายวิจิตร ศรีสกุล อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 19/176 ถ.เลียบวารี 79 แขวงและเขตหนองจอก กทม. และเสียชีวิตระหว่างทางเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว สภาพศพสวมกางเกงขาสั้นสีเหลืองลายดอก เสื้อยืดสีเทาสลับแดง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์เข้าที่เบ้าตาขวากระสุนฝังใน ก่อนเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญูจะนำศพไปส่งตรวจที่ รพ.ตำรวจ นอกจากนี้ ได้นำตัวเด็กผู้ชายอายุประมาณ 15-16 ปี จำนวน 3 คนซึ่งอยู่ในห้องห้องนอนขณะเกิดเหตุไปสอบสวนที่ สน.ลำหิน
จากการสอบสวนนายวิชิต อามีน อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 30 176 ถ.เลียบวารี 79 แขวงและเขตหนองจอก กทม. เพื่อนบ้านผู้ตายให้การว่า ก่อเกิดเหตุช่วงประมาณ 12.00 น. ที่หมู่บ้านตนซึ่งเป็นชุมชนอิสลาม มีการจัดงานทำบุญ ส่วนบ้านที่เกิดเหตุนั้นเป็นบ้านของ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายวิจิตร ศรีสกุล โดยวันดังกล่าวผู้ตายมาที่บ้านแฟนสาวเพื่อมาร่วมงานบุญด้วย ต่อมาตนได้ยิงเสียงปืนดัง 1 นัด หลังจากนั้นมีเด็กในบ้านวิ่งมาบอกว่านายวิจิตรทำปืนลั่นเข้าเบ้าตาในห้องตัวเอง น.ส.บี เมื่อไปถึงพบว่านายวิจิตรนอนหายใจรวยริน พวกตนจึงพาอุ้มขึ้นรถเก๋งส่วนตัวไปส่ง รพ.นพรัตนราชธานี แต่ผู้ตายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตก่อน
ด้าน นางสุจิตรา ศรีสกุล อายุ 45 ปี มารดาผู้ตาย อาชีพรับจ้างซักผ้า กล่าวว่า ลูกชายไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เคยรับจ้างเดินสายไฟกับบริษัทแถวบ้านย่านหนองจอก ต่อมาไม่ได้ทำงาน กระทั่งไปมีแฟนชื่อ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี มักเดินทางไปมาหาสู่ที่บ้านที่เกิดเหตุประจำ ตนมักบอกเสมอว่าไม่ให้ไปหาแฟนสาวบ่อยนัก กระทั่งมาทราบว่าถูกยิงเข้าเบ้าตา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตนติดใจไม่คิดว่าลูกตนจะทำปืนลั่นใส่ตาตัวเอง เพราะลูกตนไม่มีอาวุธปืนใดๆ และไม่ใช่คนเกเร
พ.ต.ท.ชัยรินทร์เปิดเผยว่า ได้ส่งศพผู้ตายไปตรวจสอบบาดแผลยัง รพ.ตำรวจแล้ว เบื้องต้นจะต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานต่างๆ เช่น รอยนิ้วมือแฝง และเขม่าดินปืน โดยจะยังไม่ตัดสินว่าเป็นเหตุปืนลั่นหรือผู้อื่นยิงต้องรอพยานหลักฐานต่างๆ และสอบปากคำพยานทุกปากก่อนจึงสามารถสรุปสำนวนได้