xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เร่งสืบภาพวงจรปิดหาตัวคนร้ายซุกอาวุธสงครามที่หมอชิต

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


บช.น.แถลงผลตรวจสอบอาวุธสงครามที่ยึดได้ที่สถานีขนส่งหมอชิตวานนี้ เป็นอาวุธที่ใช้ในราชการทั้งทหารและตำรวจ พร้อมมีประสิทธิภาพในการทำลายล้าง ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างสืบสวนขยายผลเพื่อหาต้นตออาวุธล็อตนี้ต่อไป ด้าน สน.วบางซื่อ เร่งหาภาพวงจรปิดคนร้าย

วันนี้ (6 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ณภัทร จุลละบุษปะ รอง ผบก.สปพ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ร่วมแถลงการตรวจยึดอาวุธสงครามและระเบิด หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีผู้ลักลอบขนอาวุธสงครามเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งโดยสารมากับรถทัวร์ของบริษัท ราชสีมาทัวร์ มาจาก จ.นครราชสีมา และสามารถตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมากได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต ถ.กำแพงเพชร แขวงและเขตจตุจักร กทม. วานนี้ (5 ส.ค.) เวลาประมาณ 17.00 น. แต่คนร้ายไหวตัวทันจึงหลบหนีไปได้

จากการตรวจสอบพบอาวุธปืน AK47 พับฐาน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน 2 ซอง และเครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 มม.จำนวน 211 นัด วัตถุระเบิดชนิดกว้าง M26 จำนวน 3 ลูก, M67 จำนวน 2 ลูก, M61 จำนวน 2 ลูก, ลูก Type 67 จำนวน 2 ลูก, ลูก Type 82-2 จำนวน 1 ลูก ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด M14 จำนวน 4 ลูก, ชนิด MD 82 B จำนวน 1 ลูก โดยผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างสูง 175 ซม. ผิวดำแดง สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียว กางเกงขาสั้นสีดำ ขึ้นรถมาจากอนุสรณ์สถานและขอลงที่หน้าวัดเสมียนนารี

พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ จ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มบุคคลลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อมาจำหน่ายให้กับลูกค้าใน กทม. และนำขึ้นมากับรถโดยสารจาก จ.นครราชสีมา มายังปลายทางที่สถานีหมอชิต ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้วางแผนกำลังบริเวณโดยรอบสถานีขนส่งหมอชิต จนกระทั่งพบรถต้องสงสัยดังกล่าว และจากการตรวจค้นพบของกลางทั้งหมดอยู่ภายในกระเป๋าลากจูงสีดำ พร้อมนำของกลางมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ทำการสืบสวนจับกุมผู้ที่ลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามาโดยผิดกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ณภัทรกล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ โดยส่วนใหญ่ที่พบนั้นจะเป็นอาวุธที่ใช้ในราชการ ทั้งทหารและตำรวจ ซึ่งประสิทธิภาพของวัตถุระเบิด ตรวจสอบเบื้องต้นมีรัศมีประมาณ 15 เมตร ส่วนอาวุธปืนยังต้องตรวจสอบก่อนเพราะสภาพค่อนข้างเก่า และพบว่ามีหมายเลขติดอยู่ด้วย ทั้งนี้ ยังอยู่ระหว่างการขยายผลอยู่

วันเดียวกัน พ.ต.ท.วาสุเทพ คงกล่อม รอง ผกก.สส.สน.บางซื่อ เปิดเผยความคืบหน้าจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 3 บก.สปพ. สามารถตรวจค้นปืนและวัตถุระเบิด ภายในกระเป๋าเดินทางสีดำ ที่ซุกซ่อนมาในห้องเก็บสัมภาระของรถทัวร์ ปรับอากาศราชสีมาทัวร์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้นว่า เบื้องต้นตามที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของบก.สปพ. ได้รายงานมา เวลานี้ของกลางทั้งหมดยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ยังไม่ได้ส่งมายังสน.แต่อย่างใด

โดยส่วนของทางสน.บางซื่อ เวลานี้ได้เรียกตัวคนขับรถทัวร์รวมไปถึงกระเป๋ารถมาสอบปากคำ แล้วทั้งหมด 3 ปาก ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า รถทัวร์ดังกล่าวเป็นรถทัวร์ของบริษัทราชสีมาทัวร์ หมายเลขข้างรถ 21-77 ออกเดินทางจากนครราชสีมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. โดยรถคันดังกล่าวมีสภาพที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก ความร้อนขึ้นตลอดเวลา ต้องคอยหมั่นจอดเติมน้ำอยู่เสมอ จนกระทั่งมาจอดเสียอยู่บริเวณอนุสรณ์สถาน หลังจากที่รถจอดเสียอยู่สักพัก รถที่ออกตามมาทีหลังจึงจอดรับผู้โดยสารที่ตกค้างอยู่จนเกือบหมดคัน เหลือผู้โดยสารตกค้างอีกเพียง 3 คน หลังจากนั้นก็มีรถทัวร์บริษัทเดียวกัน อีกหนึ่งคันมาจอดรับผู้โดยสารไปอีก 2 คน จนกระทั่งเหลือเพียงผู้ต้องสงสัยอยู่เพียงคนเดียวพร้อมกระเป๋าเดินทาง ฟหลังจากนั้นรถทัวร์ บริษัทราชสีมาทัวร์ หมายเลขข้างรถ 21-124 ได้จอดรับผู้ต้องสงสัยขึ้นรถมา พร้อมกระเป๋าเดินทาง แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุผู้ต้องสงสัยกลับทิ้งกระเป๋าแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณโดยสารสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อติดตามตัวเจ้าของกระเป๋ามาดำเนินคดีต่อไป

ด้านพ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รองผบก.สปพ. กล่าวว่า ได้ประสานฝ่ายสืบสวนสน.บางซื่อ และกองกำกับการสืบสวน บก.น.2 ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบขนส่งหมอชิตทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่าอาวุธดังกล่าวจะมีการนำไปส่งให้กับผู้ใด สำหรับอาวุธปืนอาก้าและระเบิดนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีสภาพเก่า คาดว่าน่าจะนำมาเพื่อซื้อขายกันเอง ไม่น่าจะนำส่งไปยังกลุ่มก่อความไม่สงบ 3 ชายแดนใต้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นอาวุธที่ตรวจพบน่าจะมีสภาพที่ใหม่กว่านี้ และการขนส่งน่าจะเป็นระบบมากว่านี้ สำหรับลูกระเบิดที่ตรวจพบ เวลานี้ได้ส่งให้ทางกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดไปตรวจสอบ ในส่วนของคนร้ายนั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีพฤติกรรมที่ลุกรี้ลุกรน อีกทั้งยังมีการทิ้งของกลาง จึงคาดว่าน่าจะเป็นมือใหม่ไม่ช่พวกมืออาชีพแต่อย่างใด สันนิษฐานว่าน่าจะถูกว่าจ้างให้นำอาวุธไปส่งยังจุดต่างๆ
“ในส่วนของมาตรการป้องกัน อยากจะฝากไปถึงประชาชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางเจ้าหน้าที่ ถ้าหากพบบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัยที่ไม่มีเจ้าของให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่โดยทันที ส่วนการตรวจค้นสิ่งของสัมภาระของผู้โดยสารนั้น ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายโดยใช้สุนัขตำรวจและเจ้าหน้าที่ตรวจตราอย่างละเอียด ซึ่งที่ผ่านมาของผิดกฎหมายส่วนมากจะลักลอบนำเข้ามาจากทางภาคเหนือและภาคอีสาน” พ.ต.อ.ณภัทร กล่าว

พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. กล่าวว่า เวลานี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่สถานีขนส่งนครราชสีมา ซึ่งเป็นต้นทางของรถทัวร์คันดังกล่าว เพื่อหาข้อมูลเบาะแสของทางผู้ต้องหาที่ขนอาวุธมา จากการสืบสวนทราบว่ารถทัวร์คันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุรถเสียที่บริเวณอนุสรณ์สถาน จากนั้นก็มีรถทัวร์อีกคันมาเปลี่ยนแทน ก่อนที่จะแล่นเข้าสู่สถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งคาดว่าผู้ต้องหาน่าจะลงระหว่างทาง เพราะจากการสอบปากคำเด็กรถ ให้การว่ามีผู้โดยสารลงตามทางอยู่ตลอดเวลา แต่ตัวผู้ต้องหานั้น ยังไม่ทราบว่าลงรถไปบริเวณไหน อย่างไร หรืออาจจะใช้ให้คนอื่นมารับของกลางที่ปลายทางก็ได้


อีกคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ บก.สปพ.สามารถจับกุมผู้ต้องหามีอาวุธปืนเถื่อน พร้อมยาเสพติด คือ นายพิเชษฐ์ ชุมทอง อายุ 31 ปี, นายคมกริช สุขแก้ว อายุ 29 ปี และนายธวัชชัย เหมือนโสภา อายุ 21 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ 4 ถุง (4.839 กรัม) ยาบ้า 108 เม็ด อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 24 นัด เงินสดจำนวน 22,750 บาท และรถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ หมายเลขทะเบียน พอ 5831 กทม. โดยจับกุมได้ขณะปฏิบัติหน้าที่ปกติ ประจำจุดตรวจ (ว.43) บริเวณถนนราชพฤกษ์ หน้าหมู่บ้านนันทวัน แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน กทม.วานนี้ (5 ส.ค.) เบื้องต้นยังพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีปัสสาวะเป็นสีม่วง ซึ่งหลังจากนำไปตรวจเพื่อหาสารเสพติดที่ รพ.ศรีวิชัย ก็พบว่ามีเมทแอมเฟตามีนอยู่ในปัสสาวะอยู่จริง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่น ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย, ร่วมกันพาอาวุธปืนและอาวุธมีด เข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมขยายผลต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น