ปอศ.แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 2 ราย ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หลังได้รับการประสานจากตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ว่า ผู้ต้องหาแก๊งนี้ได้ฉ้อโกงเงินจากธนาคาร มีมูลค่า 120 ล้านบาท ก่อนหนีมากบดานในไทย
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดย พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย นายหวู เจียหมิน เจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ร่วมแถลงจับกุม นายเซาฮง เยน อายุ 39 ปี และนายซาง ชูแลง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 10 ใบ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมจอมเทียนฮอลิเดย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ภูมิราเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานงานจาก นายหวู เจียหมิน ว่า คนร้ายทั้งสองคน ได้ทำการฉ้อโกงเงินจากธนาคารในประเทศจีนเป็นจำนวนเงินประมาณ 120 ล้านบาท แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา สืบสวนจนทราบว่า หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้โอนเงินที่ฉ้อโกงมาไว้ในบัญชีธนาคาร ซึ่งผูกกับบัตร UNION PAY ซึ่งเป็นบัตรเดบิตของสถาบันการเงินในประเทศจีน จากนั้นได้นำบัตรดังกล่าวไปใช้ในการเบิกเงินสด และซื้อสินค้าทั้งในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และในประเทศไทย เป็นจำนวนเงินประมาณ 50 ล้านบาท เบื้องต้นนำผู้ต้องหาส่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดย พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย นายหวู เจียหมิน เจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ร่วมแถลงจับกุม นายเซาฮง เยน อายุ 39 ปี และนายซาง ชูแลง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 10 ใบ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมจอมเทียนฮอลิเดย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ภูมิราเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานงานจาก นายหวู เจียหมิน ว่า คนร้ายทั้งสองคน ได้ทำการฉ้อโกงเงินจากธนาคารในประเทศจีนเป็นจำนวนเงินประมาณ 120 ล้านบาท แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา สืบสวนจนทราบว่า หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้โอนเงินที่ฉ้อโกงมาไว้ในบัญชีธนาคาร ซึ่งผูกกับบัตร UNION PAY ซึ่งเป็นบัตรเดบิตของสถาบันการเงินในประเทศจีน จากนั้นได้นำบัตรดังกล่าวไปใช้ในการเบิกเงินสด และซื้อสินค้าทั้งในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และในประเทศไทย เป็นจำนวนเงินประมาณ 50 ล้านบาท เบื้องต้นนำผู้ต้องหาส่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
