บช.ปส.สาธิตวิธีการใช้รถเอกซเรย์ 4 คัน เพื่อใช้ตรวจค้นอาวุธตามนโยบาย สตช. หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนก่อเหตุมากขึ้น โดยมอบให้นครบาลปฏิบัติภารกิจในการตั้งด่านตรวจค้น หวังป้องปรามผู้ที่พกพาสิ่งของผิดกฎหมายมาในรถยนต์ได้
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1, 2 และ 5 พร้อมรถเอ็กซเรย์จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จำนวน 4 คันมาสาธิตการตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยปฏิบัติร่วมกับรถเอกซเรย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาอาวุธ ยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ปัจจุบันนี้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนก่อเหตุมากขึ้นอาจเป็นเพราะอาวุธหาได้ง่ายทำให้อาชญากรรมรุนแรง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.จึงมีนโยบายให้นำอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีสูงอย่างรถยนต์เอกซเรย์ ซึ่ง บช.ปส.ใช้ในการตรวจค้นยาเสพติดมากว่า 10 ปี และอย่างได้ผลมาแล้วมาร่วมปฏิบัติกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อใช้ในการตั้งด่านตรวจค้นจับกุมไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืน มีด ยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถป้องปรามผู้ที่พกพาสิ่งของผิดกฎหมายมาในรถยนต์ได้ เนื่องจากรถมีโครงสร้างที่ชัดเจนหากเจ้าหน้าที่พบสิ่งที่ผิดแปลกไปจากโครงสร้างรถยนต์ก็จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.อ.สมยศกล่าวด้วยว่า สำหรับรถยนต์เอกซเรย์ทั้ง 4 คันนั้น ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น.วางแผนหามาตรการนำรถยนต์เอ็กซเรย์ไปใช้ร่วมกับการตั้งจุดตรวจในพื้นที่ที่มักจะเกิดเหตุอาชญากรรมบ่อยครั้ง
สำหรับรถยนต์เอกซเรย์ของ บช.ปส.นั้นมีการสั่งซื้อมาตั้งแต่ปี 2546 ราคามูลค่าคันละ 48 ล้านบาท เป็นรถยนต์ที่ติดเครื่องเอกซเรย์เหมือนกับที่ใช้การเอกซเรย์ทางการแพทย์ โดยสามารถตรวจสอบหาอาวุธทุกชนิด วัตถุระเบิด และยาเสพติด ซึ่งก่อนหน้านี้มีการนำไปใช้ในภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยสามารถตรวจสอบรถยนต์ที่ซุกซ่อนยาเสพติดมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
