กรมศุลกากรตั้งด่านสกัดจับกระบะแหกด่าน ลักลอบขนตัวนิ่ม จนท.ต้องไล่ติดตาม ก่อนตามจับตัวได้บริเวณเข้าน้ำตกป่าละอู อ.หัวหิน พร้อมยึดตัวนิ่ม 110 ตัว มูลค่ากว่า 1.1 ล้านบาท ผู้ต้องหาสารภาพนำตัวนิ่มมาจากฝั่งอินโดนีเซียเตรียมส่งข้ามไปประเทศลาว
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมศุลกากร คลองเตย นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านปราบปราม นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม พร้อมด้วย พ.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ร่วมแถลงการจับกุมสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทตัวนิ่มมีชีวิตจำนวน 110 ตัว มูลค่ากว่า 1.1 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้บริเวณก่อนเข้าน้ำตกป่าละอู อ.หัวหิน
นางอรอนงค์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเวลา 06.00 น.วันนี้ (7 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรประจำ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามของศุลกากรปราณบุรี ได้เรียกรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 4219 ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำการตรวจค้น บริเวณจุดตรวจปราณบุรี แต่รถยนต์กระบะคันดังกล่าวไม่ยอมหยุดพร้อมขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงออกไล่ติดตาม ซึ่งรถยนต์กระบะต้องสงสัยได้ขับมุ่งหน้าไปทางถนนสายวไลย-ละเมาะ จึงได้วางแผนจับกุมจนสามารถสกัดจับได้ที่บริเวณดังกล่าว พร้อมนายธวัชชัย นาคเสน เป็นคนขับ และตรวจสอบพบตัวนิ่มมีชีวิต หรือลิ่นชวา กำเนิดจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ใกล้สูญพันธุ์ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ตามบัญชีหมายเลข 2 โดยตัวนิ่มทั้งหมดจะลักลอบผ่านทางชายแดนภาคใต้เพื่อนำส่งข้ามไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
จากการสอบสวนนายธวัชชัยให้การรับสารภาพว่า นำตัวนิ่มมาจากทางฝั่งประเทศอินโดนีเซียเพื่อเตรียมขนส่งข้ามไปยังสาธารณัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่มาถูกจับกุมได้เสียก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความผิดฐานนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษีหรือของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากร โดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรหรือซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม หรือข้อกำกัด อันเป็นความผิดตาม มาตรา 27 และมาตรา 27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบมาตรา 16 มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางทั้งหมดส่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่วนผู้ต้องหาจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป