xs
xsm
sm
md
lg

ประหารแก๊งโหด! ปล้นฆ่ายกครัว 5 ศพ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

จนท.คุมตัวแก๊งโหดฆ่ายกครัวมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิพากษาประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิต 4 จำเลย ร่วมปล้นฆ่าเสี่ยนักธุรกิจโรงงานเฟอร์นิเจอร์และนักธุรกิจจัดสรรที่ดิน พร้อมครอบครัวตายอย่างทารุณ 5 ศพ ขณะศาลตัดสินจำเลยที่ 2 เครียดจัด ถึงกับเข่าอ่อนและอุจจาระราดกลางศาล

วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2347/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายวันชัย หรือจ่าแดง อ้นปันส์ อายุ 61 ปี นายปริทรรศ หรือกี นุ่มน้อย อายุ 55 ปี นายธรายุทธ หรือเจี๊ยบ แสนสุข อายุ 50 ปี และนายอำนาจ หรือโอ๋ ภราดรพิทักษ์ อายุ 30 ปี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานโดยมีอาวุธปืน ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 4-11 เม.ย. 52 ต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน ไม่ทราบจำนวน และร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 11 มม. จำนวนหลายนัด จำเลยทั้งสี่ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปที่บ้านเลขที่ 5388 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 23 นวมินทร์ 111 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เป็นบ้านทรงยุโรป เนื้อที่ราว 1 ไร่ โดยร่วมกันวางแผนปล้นทรัพย์ เครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ราคา 20,000 บาท คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ราคา 30,000 บาท โทรศัพท์มือถือไม่ทราบยี่ห้อ 1 เครื่อง ราคา 10,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น ราคา 30,000 บาท ของนายธนายศ ปทุมวาสนา อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เป็นนักธุรกิจโรงงานเฟอร์นิเจอร์และนักธุรกิจจัดสรรที่ดิน มือถือยี่ห้อโมโตโรล่า 2 เครื่อง ราคา 24,000 บาท รถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ท สีขาว หมายเลขทะเบียน ชณ 8535 กรุงเทพมหานคร 1 คัน ราคา 3,000,000 บาท ของนางกนกกาญจน์ โพธิ์ทอง อายุ 48 ปี ภรรยานายธนายศ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง ราคา 10,000 บาท ของ น.ส.ศศิมา หรือเกรท ปทุมวาสนา อายุ 17 ปี บุตรสาว โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง ราคา 15,000 บาท ของนายธนวัฒน์ หรือกอล์ฟ ปทุมวาสนา อายุ 15 ปี บุตาชาย และโทรศัพท์มือถือไม่ทราบยี่ห้อ 1 เครื่อง ราคา 10,000 บาท ของนางสำรอง บัวแก้ว อายุ 43 ปี คนรับใช้ รวมทรัพย์ 10 รายการ เป็นเงิน 3,149,000 บาท ไปโดยทุจริต

โดยจำเลยทั้ง 4 คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายธนายศ ปทุมวาสนา เจ้าของบ้าน จำนวนหลายนัด ถึงแก่ความตาย ร่วมกันจับ น.ส.ศศิมา ปทุมวาสนา ใส่กุญแจมือล็อกข้อมือทั้งสองข้างไว้ แล้วใช้ปืนยิงลำตัวด้านซ้ายเป็นเหตุให้ น.ส.ศศิมาถึงแก่ความตาย ก่อนจะร่วมกันจับนายธนวัฒน์ อายุ 15 ปี บุตรชายนายธนายศ ใส่กุญแจมือล็อกข้อมือทั้งสองข้างไว้ ใช้เทปกาวพันรอบศีรษะเพื่อปิดตาทั้งสองข้าง ใช้สายเข็มขัดผ้ามัดข้อเท้าทั้งสองข้างของนายธนวัฒน์ แล้วบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต

นอกจากนี้ จำเลยทั้งสี่ยังร่วมกันจับนางสำรองบัวแก้ว อายุ 47 ปี คนรับใช้โดยใช้กุญแจมือล็อกข้อมือทั้งสองข้างไว้ ใช้เทปกาวพันรอบศีรษะเพื่อปิดตาทั้งสองข้าง ใช้ผ้าขนหนูมัดปิดปากและใช้เชือกรัดคอแขวนห้อยไว้กับลูกบิดประตูห้องน้ำ จนขาดอากาศหายใจถึงแก่ความตาย และร่วมกันบีบรัดคอนางกนกกาญจน์ ภรรยานายธนายศถึงแก่ความตาย โดยศพของทั้ง 5 คน อยู่ในสภาพเน่าเปื่อย เสียชีวิตก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาพบหลายวัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 340, 340 ตรี, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ที่ห้องเลขที่ 44 ชั้น 4 ซอยทุ่งมังกร 7 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน พร้อมของกลางในคดี เช่น เครื่องช็อตไฟฟ้า ถุงมือยาง อุปกรณ์งัดแงะ และกระดาษแผนที่บ้านพักผู้ตาย

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีต้องพิจารณาว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดหรือไม่ เห็นว่า คดีตำรวจสืบสวนพบว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 52 จำเลยที่ 1, 2 เอาโทรศัพท์ที่ปล้นไปขายให้พยาน จากนั้นพวกจำเลยเอารถตู้อัลพาร์ทไปเร่ขายที่ถนนสวนผัก ตลิ่งชัน กทม. และมีการใช้โทรศัพท์ที่ย่านดังกล่าวก่อนเอารถไปจอดทิ้งที่ จ.สมุทรปราการ ต่อมาจึงจับจำเลยทั้งหมดได้ ซึ่งจำเลยที่ 2-4 รับสารภาพว่าจำเลยที่ 1 จ้างวานใช้ให้ไปประทุษร้ายดังกล่าว ศาลเห็นว่าเป็นคำรับสารภาพที่ให้การหลังเกิดเหตุใหม่ๆ ไม่ปั้นแต่งและไม่เป็นการกลั่นแกล้งจำเลยที่ 1 แม้มีลักษณะเป็นคำซัดทอด แต่ไม่มีกฎหมายห้ามรับฟัง และเชื่อว่าไม่มีการล่อลวงให้รับสารภาพเพื่อพ้นผิด พยานโจทก์ยังเบิกความว่าจำเลยที่ 3 ได้เล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังแล้วยังขอให้ช่วยเอาเสื้อผ้ากับสิ่งของไปเผาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ส่วนคำให้การปฏิเสธอ้างถิ่นที่อยู่ของจำเลยที่ 1 เป็นการปฏิเสธลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก

คดีจึงฟังได้ว่าวันที่ 4 เม.ย. 52 จำเลยทั้ง 4 ได้สวมหน้ากากไอ้โม่งเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุแล้วจับตัวนางสำรองมัดไว้ ใช้ปืนยิงนายธนายศ และ น.ส.ศศิมา ตาย กับฆ่านายธนวัฒน์ โดยรัดคอมัดปากปิด แล้วฆ่านางสำรองโดยทารุณโหดร้าย จำเลยที่ 1 ได้ขู่ให้นางกนกกาญจน์ บอกรหัสเปิดเซฟแต่นางกนกกาญจน์บอกว่าสามีตนที่ตายไปก่อนแล้วเป็นคนเดียวที่รู้รหัส พวกจำเลยจึงบีบคอจนตาย การกระทำของจำเลยที่ 1-4 เป็นความผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและโดยทารุณโหดร้าย และปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน มีประโยชน์ต่อการพิจารณา ให้ลดโทษจากประหารชีวิตเหลือจำคุกตลอดชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 2 มีอาการเครียด ถึงกับเข่าอ่อนและอุจจาระราด ทำให้จำเลยในคดีอื่นต้องย้ายออกไปข้างนอกห้องทันที
นายวันชัย หรือจ่าแดง อ้นปันส์ อายุ 61 ปี จำเลยที่ 1 ที่ศาลสั่งประหารชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น