เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้องเก็บวัสดุ โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด รัชดาฯ สูง 25 ชั้น ประชาชนหนีตายอลหม่าน จนท.ระดมดับเพลิงใช้เวลา 30 นาที เพลิงจึงสงบ พนักงานโรงแรมสำลักควันบาดเจ็บ 1 ขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยโรงแรมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เหตุการณ์ไม่รุนแรง ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้คาดน่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ
วันนี้ (11 พ.ค.) เวลา 11.30 น. ร.ต.อ.ศราวุธ ไชยรัตน์ พนักงานสอบสวน (สบ 1)สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด เลขที่ 204 ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.จารุภัทร ทองโกมล รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง นายชุมพล ชาวเกาะ ผอ.เขตห้วยขวาง รวมทั้งประสาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถกว่า 10 คัน อปพร.กทม. และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุ เป็นอาคารสูง 25 ชั้น 400 ห้อง โดยต้นเพลิงอยู่ชั้นใต้ดิน ส่วนของสำนักงาน มีกลุ่มควันกระจัดกระจายออกมาจากภายในตัวอาคาร ซึ่งห้องที่เกิดเพลิงไหม้เป็นห้องเก็บวัสดุ 1 ห้อง ขนาด 40 ตร.ม. เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนและกันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ชื่อนางดุจเดือน เทียนอำไพ พนักงานอาคารดังกล่าว มีอาการสำลักควัน เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่ง รพ.พระราม 9 ไปก่อนหน้านี้
นายชุมพล กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานได้เดินทางมาตรวจสอบ โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณห้องเก็บวัสดุชั้นใต้ดิน ส่วนของอาคารสำนักงาน ในส่วนอาคารโรงแรมที่อยู่ติดกันนั้นไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ในเรื่องความปลอดภัยของอาคารแห่งนี้พบว่า เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ระบบความปลอดภัยต่างๆ ทั้งสปริงเกอร์ ไฟฉุกเฉิน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เหตุการณ์ไม่รุนแรงมาก สำหรับการดูแลความปลอดภัยตามอาคารสูงต่างๆนั้นทางสำนักงานเขตได้ร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบอาคารสำนักงาน โรงแรมต่างๆ ร่วมกันอยู่แล้ว
พ.ต.อ.บุญส่ง เปิดเผยว่า เบื้องต้นเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณห้องเก็บของ ชั้นใต้ดิน ส่วนของสำนักงานและเป็นคนละส่วนกับโรงแรม แต่สถานที่ตั้งติดกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บน้ำยาแอร์ ทินเนอร์ กระป๋องสีต่างๆ และกระดาษ ทำให้ติดไฟได้ง่าย ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร สำหรับความเสียหายต้องรอเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้ การจราจรยังใช้การได้ตามปกติ