ตำรวจยังไม่แจ้งข้อหาฝ่ายไหน กรณีพนักงานติดตั้งป้ายโฆษณาพลัดตกจากตึกใบหยก 2 จนมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ ส่วนสาเหตุ เชื่อไม่ได้เกิดจากสลิงขาด แต่เกิดจากพื้นกระเช้ารับน้ำหนักไม่ไหว ซึ่งต้องรอสอบปากคำอีกหลายฝ่าย
วันนี้ (8 พ.ค.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านการสอบสวน กล่าวถึงการสอบสวนคลี่คลายเหตุคนงานตกจากกระเช้านั่งร้านชั้นที่ 68 ตึกใบหยก 2 บริเวณถนนราชปรารภ แขวงราชปรารภ เขตราชเทวี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 คน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง พบสาเหตุไม่ได้เกิดจากลวดสายสลิงขาด แต่เกิดจากพื้นของตัวกระเช้ารับน้ำหนักไม่ไหวจึงหักกลางลงมา
พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า สาเหตุจะเกิดจากความประมาทหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่จะต้องรอผลการพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานก่อนว่ามีปัญหาเรื่องอุปกรณ์ชำรุดหรือไม่ รวมถึงผลตรวจสอบตัวพื้นนั่งร้านที่รองรับน้ำหนักคนงานด้วยว่ามีน้ำหนักมากเกินไปหรือไม่ หรืออาจจะชำรุดก่อนหน้านี้
“นอกจากนี้ยังต้องรอการสอบปากคำเจ้าของบริษัทติดตั้งป้ายโฆษณาด้วย รวมถึงสอบปากคำผู้บาดเจ็บสาหัสที่กำลังรักษาตัวอยู่ และคดีนี้คงไม่มีอะไรซับซ้อนเพียงแต่ต้องรอเวลาสักระยะ เพราะต้องสอบปากคำหลายฝ่ายด้วยกัน เมื่อพยานหลักฐานเพียงพอก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาทางคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อ ไป” พล.ต.ต.อนุชัยกล่าว
เมื่อเวลา 12.15 น. ที่สน.พญาไท ตัวแทนบริษัทคิวกรุ๊ป จำกัด เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำจากเหตุกระเช้านั่งร้านขาดสองท่อนบนตึกใบหยก 2 ทำให้พนักงานของบริษัทฯ ที่กำลังติดป้ายโฆษณาตกลงมาเสียชิวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย วานนี้ (7 พ.ค.) โดยตัวแทนบริษัทฯ กล่าวว่า ตนเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทดังกล่าว ส่วนพนักงานที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นพนักงานของบริษัทคิว แอดเวอร์ไทซิ่ง เป็นลูกข่ายบริษัทย่อยของบริษัทคิวกรุ๊ป ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ทำงานมาประมาณ 1-3 ปี ที่เดินทางมาวันนี้ได้มาให้ปากคำในเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งทางบริษัทมีระบบการช่วยเหลือในเรื่องประกันชีวิตอยู่แล้ว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ในวันเกิดเหตุยอมรับว่าไม่มีคนคุมงานเพราะว่าเป็นวันหยุด ทางพนักงานจึงไปทำกันเองเพียงลำพัง ส่วนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยนั้นทางบริษัทได้มีการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยทุกปีเป็นประจำและมีอุปกรณ์เซฟตี้พร้อมทุกอย่าง แต่อุปกรณ์ทั้งหมดได้เช่าต่อมาจากอีกบริษัทหนึ่ง โดยอุปกรณ์ทั้งหมดมีเซฟตี้พร้อม เพียงแต่คาดว่าทางพนักงานอาจจะไม่ได้ใส่ชุดเซฟตี้ไว้ขณะทำงานจึงทำให้เกิดเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ ทางบริษัทจะให้ทนายความทำหนังสือส่งไปยังบริษัทที่เช่าอุปกรณ์กระเช้า เพื่อสอบถามข้อมูลและให้ชี้แจงเกี่ยวกับอุปกรณ์ทั้งหมด อย่างไรก็ตามยอมรับว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า10 ปี แต่จะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่ามีความบกพร่องอยู่ที่อุปกรณ์หรือตัวบุคคลอย่างไรต่อไป
ต่อมา เมื่อเวลา 13.00 น. น.ส.รสริน อมรวงศ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่2 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ญาติของนายกำธร อมรวงศ์ อายุ 33 ปี ผู้เสียชีวิต และ นางสุปรียา ชมระกา อายุ 43 ปี ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่2 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ญาติของนายฤทธิชัย จำญาติ อายุ 21 ปี ผู้เสียชีวิต เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งทำเรื่องติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศล
นางสุปรียา กล่าวว่า มีศักดิ์เป็นป้าของนายฤทธิชัย ทั้งนี้ อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิต โดยขอให้ทางบริษัทฯ ต้นสังกัดช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ เพราะว่าหลานเพิ่งทำงานได้เพียงแค่ไม่กี่เดือน และอยากให้บริษัทฯมีมาตรการที่รักษาความปลอดภัยที่รัดกุมรอบคอบมากกว่านี้ เพราะเป็นงานที่เสี่ยงทำงานบนความสูง จึงอยากให้มีเซฟตี้คอยช่วยพนักงานตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่ได้ประสานติดต่อเพื่อพูดคุยในเรื่องการเยียวยาค่าเสียหาย แต่ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ก็มีมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ดีอยู่แล้ว และตนทราบข่าวจากทางญาติว่าหลานเสียชีวิต ในวันนี้จึงเดินทางมาติดต่อรับศพเพื่อไปทำพิธีทางศาสนา ที่วัดในจังหวัดบ้านเกิด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ต่อไป
ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.พญาไท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่จากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมชูปถัมภ์ เดินทางไปอาคารใบหยก 2 ก่อนให้เจ้าหน้าที่ทำการหย่อนกระเช้าที่ใช้วันเกิดเหตุลงไปที่ชั้น 36 เพื่อตรวจสอบกระเช้าและอุปกรณ์ต่างๆ
พ.ต.ท.โชติ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกตัวแทนบริษัท คิวกรุ๊ป จำกัด บริษัทแม่ของ บริษัท คิว แอดเวอร์ไทร์ซิ่ง จำกัด มาสอบปากคำ เบื้องต้นได้ทำการสอบเรื่องวิธีการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน การควบคุมงานต่างๆ โดยบริษัท คิว แอดเวอร์ไทร์ซิ่ง จำกัด ซึ่งได้เช่าเฉพาะกระเช้า วินซ์หรือรอกหมุนหย่อนกระเช้า และสายเคเบิ้ล จาก บริษัท กอนโดร่า แคลมเบอ จำกัด ส่วนอุปกรณ์เข็มขัดนิรภัย หรือเซฟตี้เบลท์ เป็นของบริษัท คิว แอดเวอร์ไทร์ซิ่ง จำกัด ซึ่งมีให้พนักงานทุกคนสวมใส่ขณะปฏิบัติงาน ส่วนประเด็นเรื่องพนักงานไม่ได้ใส่อุปกรณ์เข็มขัดนิรภัย หรือเซฟตี้เบลท์เอง หรือประมาทเอง ยังต้องสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งต้องรอผลตรวจกระเช้าที่หักจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมชูปถัมภ์ ว่ากระเช้านั่งร้านหักเพราะอะไร ก่อนจะนำมารวบรวมในสำนวนคดีต่อไป