ตำรวจลุมพินีล่อซื้อยาไอซ์ ภายในซอยสุขุมวิท 11 แต่เอเยนต์ค้ายาไหวตัวทัน ขับแท็กซี่พุ่งชน เจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนยิงปืนสวนเพื่อป้องกันตัว กระสุนเจาะท้ายทอยคนร้ายบาดเจ็บสาหัส
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.ท.สมเกียรติ พลอยทับทิม พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ลุมพินี รับแจ้งมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณด้านหน้าโรงแรมแกรนด์ เพรสซิเดนท์ ภายในซอยสุขุมวิท 11 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่หน้าทางเข้าโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพูคาดน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ทว 2305 กทม. ของบริษัท สหกรณ์แท็กซี่ไทย จำกัด จอดเฉียงขวางช่องจราจร 1 เลน ซึ่งกระจกรถประตูหลัง ด้านขวาแตกทั้งบาน มีเศษกระจกกระจัดกระจายเกลื่อนถนน และมีรอยรูกระสุนเจาะทะลุที่พิงศีรษะเบาะคนขับ 1 รู และมีรอยคราบเลือดติดอยู่ตรงเบาะคนขับ นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์ไอโฟน 2 เครื่อง อยู่ภายในรถแท็กซี่ ส่วนคนขับ ทราบชื่อต่อมาคือ นายวรรณชัย วงจันทเรือง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/2 หมู่ 9 ต.แก อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ถูกยิงบริเวณท้ายทอยได้รับบาดเจ็บสาหัส นำตัวส่ง รพ.บํารุงราษฎร์ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบรถแท็กซี่คันเกิดเหตุ พบว่า บริเวณช่องด้านข้างประตูคนขับมีธนบัตรชนิด 1,000 บาท จำนวน 6 ใบ ที่ใช้ล่อซื้อ และยาไอซ์ขนาด 1 ซองเล็ก บรรจุประมาณ 2 กรัม ซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.รังสรรค์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตำรวจชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็วของ สน.ลุมพินี ได้ติดต่อล่อซื้อยาเสพติดจากคนร้าย ซึ่งขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาเพียงลำพัง แต่คนร้ายรู้ตัวว่าถูกล่อซื้อยาเสพติด จึงตัดสินใจขับรถคันดังกล่าวพุ่งชนกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงยิงปืนเพื่อป้องกันตัวและสกัดคนร้ายไม่ให้หนีไปได้ ทำให้ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ท้ายทอย และได้นำตัวส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามพฤติการณ์ของคนร้ายกลุ่มนี้มาสักระยะแล้ว ส่วนรถแท็กซี่คันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จะนำไปไว้ที่ สน.ลุมพินี เพื่อตรวจสอบกับทางบริษัทเจ้าของรถ ว่าชื่อผู้ใดเป็นคนติดต่อเช่ารถคันดังกล่าวอีกครั้ง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยัง รพ.บำรุงราษฎร์เพื่อขออายัดตัวผู้ต้องหาไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ พร้อมแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป