เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนชุมชนบ่อนไก่ ภายในซอยปลูกจิตติดปั๊ม ปตท.พระราม 4 จนท.ใช้เวลา 30 นาทีเร่งระดมสกัดเพลิงจึงสงบ พบมีบ้านเรือนและห้องเช่าเสียหายไปกว่า 20 หลัง บาดเจ็บ 3 ราย พยานระบุก่อนเกิดเหตุเห็นวัยรุ่นขี่ จยย.มาทะเลาะมีปากเสียงกันหน้าบ้านต้นเพลิง จากนั้นมีคนตะโกนไฟไหม้จึงวิ่งออกมาดูและไม่พบกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว เบื้องต้น ตร.รอสอบปากคำอย่างละเอียดและรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสาเหตุต่อไป
วันนี้ (25 เม.ย.) เวลา 01.30 น. ร.ต.อ.นวพล พิทักษ์นิระพันธ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ชุมชนบ่อนไก่ ซ.ปลูกจิต ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยรถดับเพลิงสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 คัน อาสาบรรเทาสาธารณภัย อปพร.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นอยู่ในชุมชนแออัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้และห้องเช่าเกือบร้อยหลังคาเรือน ภายในซอยปลูกจิต ด้านข้างติดปั๊ม ปตท.สาขาพระราม 4 ทราบชื่อเจ้าของบ้าน น.ส.เพ็ญเพชร แซ่โค้ว บ้านเลขที่ 1/7 ซ.ปลูกจิต ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านต้นเพลิง มีกลุ่มควันไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วเพราะเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง ทำให้ลุกลามไปยังห้องเช่าและบ้านเรือนใกล้เคียงทันที เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมเร่งระดมฉีดน้ำทั้งสองฝั่งจากหัวถนนและท้ายถนน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ เบื้องต้นพบว่าห้องเช่าเสียหายไปกว่า 20 หลังคาเรือน
จากการตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุพบว่า บ้านไม้ 2 ชั้นต้นเพลิงดังกล่าวถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย ไม่ทราบชื่อและนามสกุล รายแรกได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวก รายที่ 2 ถูกของหล่นทับ ส่วนรายสุดท้ายถูกเศษกระจกบาด ขณะนี้ได้นำตัวส่ง รพ.จุฬาฯ อาการปลอดภัยดีแล้ว
สอบสวนนายสมจิตร จันทรมี อายุ 47 ปี อาชีพพ่อค้าขายไก่หมุนและปลาเผาอยู่บริเวณปากซอยปลูกจิตให้การว่า มีวัยรุ่นประมาณ 4-5 คนขี่จักรยานยนต์ไปหน้าบ้านต้นเพลิงหลังดังกล่าว แล้วเกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน จากนั้นได้ยินเสียงคนตะโกนว่าไฟไหม้ ตนจึงวิ่งไปดูก็ไม่พบกลุ่มเด็กวัยรุ่นแล้ว จึงรีบเอาถังตักน้ำมาช่วยดับไฟ แต่ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วไม่สามารถควบคุมได้ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
ร.ต.อ.นวพลเปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมเสียก่อน โดยเบื้องต้นต้องให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอย่างละเอียด จึงจะสามารถทราบสาเหตุต้นเพลิงที่แท้จริง
