เกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนสวนส้ม ริมถนนพระราม 3 กลางดึก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในกองเพลิง 1 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 30 หลังคาเรือน คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร
วันนี้ (24 เม.ย.) เมื่อเวลา 01.50 น. ร.ต.อ.เทียนชัย โพธิ์สาราช พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ชุมชนสวนส้ม หรือชุมชนใต้สะพานพระราม 9 ถ.พระราม 3 ซอย 24 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร รถดับเพลิงสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร จำนวน 39 คัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางคอแหลม เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนแอออัดเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีบ้านไม้ปลูกติดกันจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็วและกลุ่มควันคลุ้งออกมาจำนวนมาก เนื่องจากบ้านแต่ละหลังปลูกด้วยไม้และนำป้ายโฆษณามาทำเป็นฝากั้นห้องทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โชคดีที่ชุมชนดังกล่าวอยู่ติดริมถนนทำให้เจ้าหน้าที่ลากสายดับเพลิงเข้าไปยังจุดเกิดเหตุไม่ยากลำบากนัก อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่ลุกไหม้โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นพบว่าบ้านเรือนประชาชนถูกเพลิงไหม้เสียหาย จำนวนกว่า 30 หลังคาเรือน
จากการตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุยังพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายสมบัติ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 30 ปี เสียชีวิตอยู่ในบ้านไม่มีเลขที่ซึ่งเป็นบ้านต้นเพลิง สภาพศพถูกไฟคลอกไหม้เกรียม นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายเดช เติมสุข อายุ 73 ถูกไฟลวกที่แขนทั้งสองข้างและแผ่นหลัง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว
สอบสวนนายสุรพล บุระชะเท อายุ 55 ปี ชาวบ้านในชุมชน ให้การว่า ขณะเกิดเหตุขณะที่ชาวบ้านภายในชุมชน ต่างพากันเข้านอนกันหมดแล้ว มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณด้านหน้าถนนพระราม 3 ได้ยินเสียงคล้ายหม้อแปลงระเบิดดังสนั่น จากนั้นได้มีกลุ่มควันและแสงเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ชาวบ้านแตกตื่นต่างฉวยเอาทรัพย์สินวิ่งหนีตายกันอลหม่าน
ด้าน พ.ต.อ.เกียรติณรงค์เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามจะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าทำการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อหาต้นเพลิงที่แท้จริงต่อไป
