ตำรวจปทุมวันตามล่า 2 โจรรุมทำร้ายเสี่ยร้านสูทถึงหน้าบ้าน ก่อนจับศีรษะโขกกับกระถางต้นไม้จนเสียชีวิต จากนั้นได้ชิงพระเครื่องเลี่ยมทองหนัก 2 บาทของผู้ตายหลบหนีไป ผกก.สน.ปทุมวันสั่งเช็กวงจรปิดพร้อมทั้งตามตัวซาเล้งสองแม่ลูกที่เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดมาสอบสวนที่โรงพักในฐานะพยานปากสำคัญ
วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 01.10 น. ร.ต.อ.ชนินทร ง่วนสน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุมีชายถูกฆ่าชิงทรัพย์ บริเวณหน้าร้านเงาะตัดเสื้อสูท เลขที่ 66 เยื้องแยกเจริญผล ถนนพระราม 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ รอง ผกก.ป.สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุ บริเวณทางเท้าหน้าร้านตัดเสื้อสูท เนื้อที่ 1 คูหา ตรงข้ามกับวัดชัยมงคล เจ้าหน้าที่พบศพ นายศิริพงศ์ จิรพงศ์สกุล “เฮียเงาะ” อายุ 68 ปี เป็นเจ้าของร้านดังกล่าว สภาพนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทา นุ่งกางเกงสแลกสีดำ ใส่รองเท้าหนังสีน้ำตาล จากการตรวจสอบพบบาดแผลมีลักษณะคล้ายถูกตีด้วยของแข็งบริเวณหน้าผากเหนือคิ้วซ้าย ใกล้กันพบจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีเขียว ทะเบียน วนธ 123 กรุงเทพมหานคร ของผู้ตายจอดอยู่ ทั้งนี้ ยังพบตะขอสร้อยคอทองคำตกอยู่ 1 ชิ้น บริเวณกระถางต้นไม้ริมทางเดิน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานต่อไป
นางพงศ์ภัสสร จิรพงศ์สกุล อายุ 60 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุสามีของตนเดินทางไปรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านครัวมหานคร ใต้ทางด่วนมหานคร ย่านบางรัก และจะขับขี่จักรยานยนต์ฟีโน่ กลับบ้านเป็นประจำ โดยจะขับผ่านมาทางซอยรองเมือง 5 เป็นปกติ จากนั้นตนได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น 1 นัด และมีเสียงคล้ายกับมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันบริเวณหน้าบ้านแต่ก็ไม่ได้เอะใจ จนเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ตนยังไม่เห็นสามีกลับเข้ามาในบ้าน จึงลงไปเปิดประตูดูบริเวณหน้าบ้าน พบสามีของตนนอนเสียชีวิตแล้ว ส่วนทรัพย์สินทราบว่า สร้อยคอทองคำหนักประมาณ 2 บาท พร้อมพระเครื่องปางลีลากำแพงเพชรเลี่ยมทอง 1 องค์ของสามีหายไป แต่นาฬิกาข้อมือและเงินสดในกระเป๋ากางเกงประมาณ 1 หมื่นบาทยังอยู่ครบ
ด้าน พ.ต.ท.กัมปนาทกล่าวว่า หน่วยกู้ภัยป่อเต็กตึ๊งเดินทางมาพร้อมใช้เครื่องมือช่วยปั๊มหัวใจ นายศิริพงศ์ แต่ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้และเสียชีวิตในที่สุด ต่อมาได้มีสองแม่ลูกอาชีพปั่นซาเล้งเก็บของเก่าขาย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เห็นคนร้าย 2 คนขับขี่จักรยานยนต์ตามหลังผู้ตายมาจอดบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นคนร้ายทั้งคู่ได้เข้าไปรุมทำร้ายร่างกายพร้อมจับศีรษะผู้ตายโขกกระถางต้นไม้จนเสียชีวิต นอกจากนี้ ได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่คนร้ายจะกระชากสร้อยคอผู้ตายแล้วพากันเร่งเครื่องจักรยานยนต์หลบหนีไป อย่างไรก็ตาม ซาเล้งสองแม่ลูกก็ได้หายตัวไปจึงสั่งการให้สายตรวจกระจายกำลังออกตามหาเพื่อเรียกตัวมาสอบสวนที่โรงพักในฐานะพยานปากสำคัญ
ขณะที่ พ.ต.อ.เทียนชัยกล่าวว่า หลังจากนี้จะเชิญตัวเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันกับผู้ตายที่เดินทางไปกินข้าวด้วยกันมาสอบสวนที่โรงพัก ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่แกะรอยหาภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้ตายขี่จักรยานยนต์กลับจากร้านอาหารมาถึงที่บ้านว่ามีผู้ต้องสงสัยติดตามมาบ้างหรือไม่เพื่อหาเบาะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
