ตำรวจวังทองหลางโชว์ผลงานตามจับกุมไอ้โหดฆ่าชิงทรัพย์แม่เฒ่าวัย 70 สารภาพแทงด้วยมีดแต่เหยื่อยังมีลมหายใจเลยต้องใช้สากกะเบือทุบหัวซ้ำจนตายคามือ
วันนี้ (15 เม.ย.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.4 พ.ต.อ.ญาณพงศ์ โสมาภา ผกก.สน.วังทองหลาง และ พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ สว.สส.สน.วังทองหลาง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายจเร หรือเร สุขสกล อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ซอยลาดพร้าว 106 แยก 2 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. และนางโสภา หรือฝน ปาละสิทธิ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ 7 ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พร้อมของกลางพระเครื่อง เครื่องประดับ และเหรียญกษาปณ์เก่าหลายรายการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งพบศพ น.ส.สมพิศ กลิ่นหอม อายุ 70 ปี ถูกแทงและทุบศีรษะเสียชีวิตภายในที่บ้านพักเลขที่ 140 ซอยลาดพร้าว 106 แยก 2 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. จากการตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินในบ้านสูญหายไปหลายรายการ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.วังทองหลางจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่านายจเรเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ผู้ตาย จึงขออนุมัติหมายจับศาลอาญาเลขที่ 535/2555 ลงวันที่ 13 เม.ย. 2555 เข้าจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 220 หมู่ 7 ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านญาติของนางฝน
จากการสอบสวนนายจเรให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยได้ลงมือฆ่าชิงทรัพย์ผู้ตายตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันดังกล่าวได้ปีนเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านพักผู้ผู้ตายซึ่งรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะพักอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวมานาน อีกทั้งยังสนิทกับหลานชายผู้ตายอีกด้วย โดยขณะทำการลักทรัพย์อยู่นั้นผู้ตายได้ลงมาพบ จึงได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมที่เตรียมมาแทงไปที่ราวนมซ้ายของผู้ตาย เมื่อผู้ตายล้มลงจึงได้เข้ารื้อค้นทรัพย์สิน หลังจากลักทรัพย์เสร็จพบว่าผู้ตายยังไม่เสียชีวิตจึงใช้สากกะเบือมาตีซ้ำที่ท้ายทอยจนผู้ตายเสียชีวิตก่อนหลบหนีไป โดยทรัพย์สินสร้อยทองคำได้มอบให้นางฝนภรรยานำไปขายที่หน้าปากซอยใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนจะพากันหลบหนีไปกบดานที่บ้านญาติภรรยาใน จ.อุดรธานี กระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และร่วมกันชิงทรัพย์ต่อนายจเร และแจ้งข้อหารับของโจรต่อนางโสภา แต่หากสืบทราบว่ามีส่วนร่วมในการก่อเหตุจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป