กรมศุลฯ แถลงจับเรือประมงลักลอบขนถังก๊าซหุงต้มหลบเลี่ยงภาษี มูลค่า 2.6 ล้านบาท เผยหากหลุดลอดไปประเทศเพื่อนบ้านได้จะมีกำไรมหาศาล
วันนี้ (11 เม.ย.) เวลา 15.00 น. ที่บริเวณท่าน้ำสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงการจับกุมเรือประมงดัดแปลง 1 ลำ พร้อมบรรทุกถังก๊าซหุงต้มที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องออกนอกราชอาณาจักร มูลค่าของกลางรวมกว่า 2.6 ล้านบาท
นายสมชายเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 10 เม.ย. เวลา 03.20 น. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังพร้อมเรือตรวจการณ์ 606 เข้าสกัดพร้อมจับกุมขบวนการลักลอบนำก๊าซหุงต้มออกนอกประเทศ บริเวณน่านน้ำจังหวัดตราด และตรวจค้นเรือประมงดัดแปลงชื่อ “โชคเบญจวรรณ 3” ความยาวประมาณ 15 เมตร ความกว้างประมาณ 6 เมตร ความลึกประมาณ 4 เมตร พร้อมถังเหล็กบรรจุก๊าซหุงต้ม ขนาดถัง 48 กก. จำนวน 572 ถัง, ขนาดถัง 20 กก.จำนวน 43 ถัง และขนาดถัง 15 กก. จำนวน 22 ถัง รวมจำนวนทั้งหมด 637 ถัง รวมน้ำหนักก๊าซ 30,000 กก. มูลค่าของกลางรวมก๊าซและเรือประมงดัดแปลงประมาณ 2,600,000 บาท โดยมีผู้ต้องหาสัญชาติไทย 1 คน และสัญชาติกัมพูชา 2 คน ห่างจากแนวเขตแดนทางทะเล ไทย-กัมพูชา ประมาณ 5 ไมล์ทะเล อย่างไรก็ตาม หากลักลอบนำก๊าซหุงต้มดังกล่าวออกไปประเทศเพื่อนบ้านได้จะมีกำไรส่วนต่าง 18 บาทต่อ 1 กก.
นายทนุศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของทางกรมศุลกากร ซึ่งจากที่สังเกตพบว่าก๊าซหุงต้มดังกล่าวมีการถ่ายเทไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยทางกรมศุลกากรยุคใหม่จะเอาจริงกับเรื่องนี้ ซึ่งมาตราการป้องกันนั้นจะนำเรือที่ทันสมัยมาใช้ และจะเพิ่มจำนวนเรือมากขึ้นในการออกตรวจค้นตามน่านน้ำ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากระทำผิดฐานพยายามลักลอบนำสินค้าควบคุมที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งก๊าซหุงต้มดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุม ลงวันที่ 9 มี.ค. 2547 และความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบมาตรา 16, 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2484 และได้นำของกลางเรือประมงดัดแปลงและถังเหล็กบรรจุก๊าซหุงต้มพร้อมลูกเรือดังกล่าวส่งกรมศุลกากร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (11 เม.ย.) เวลา 15.00 น. ที่บริเวณท่าน้ำสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงการจับกุมเรือประมงดัดแปลง 1 ลำ พร้อมบรรทุกถังก๊าซหุงต้มที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องออกนอกราชอาณาจักร มูลค่าของกลางรวมกว่า 2.6 ล้านบาท
นายสมชายเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 10 เม.ย. เวลา 03.20 น. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังพร้อมเรือตรวจการณ์ 606 เข้าสกัดพร้อมจับกุมขบวนการลักลอบนำก๊าซหุงต้มออกนอกประเทศ บริเวณน่านน้ำจังหวัดตราด และตรวจค้นเรือประมงดัดแปลงชื่อ “โชคเบญจวรรณ 3” ความยาวประมาณ 15 เมตร ความกว้างประมาณ 6 เมตร ความลึกประมาณ 4 เมตร พร้อมถังเหล็กบรรจุก๊าซหุงต้ม ขนาดถัง 48 กก. จำนวน 572 ถัง, ขนาดถัง 20 กก.จำนวน 43 ถัง และขนาดถัง 15 กก. จำนวน 22 ถัง รวมจำนวนทั้งหมด 637 ถัง รวมน้ำหนักก๊าซ 30,000 กก. มูลค่าของกลางรวมก๊าซและเรือประมงดัดแปลงประมาณ 2,600,000 บาท โดยมีผู้ต้องหาสัญชาติไทย 1 คน และสัญชาติกัมพูชา 2 คน ห่างจากแนวเขตแดนทางทะเล ไทย-กัมพูชา ประมาณ 5 ไมล์ทะเล อย่างไรก็ตาม หากลักลอบนำก๊าซหุงต้มดังกล่าวออกไปประเทศเพื่อนบ้านได้จะมีกำไรส่วนต่าง 18 บาทต่อ 1 กก.
นายทนุศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของทางกรมศุลกากร ซึ่งจากที่สังเกตพบว่าก๊าซหุงต้มดังกล่าวมีการถ่ายเทไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยทางกรมศุลกากรยุคใหม่จะเอาจริงกับเรื่องนี้ ซึ่งมาตราการป้องกันนั้นจะนำเรือที่ทันสมัยมาใช้ และจะเพิ่มจำนวนเรือมากขึ้นในการออกตรวจค้นตามน่านน้ำ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากระทำผิดฐานพยายามลักลอบนำสินค้าควบคุมที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งก๊าซหุงต้มดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุม ลงวันที่ 9 มี.ค. 2547 และความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบมาตรา 16, 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2484 และได้นำของกลางเรือประมงดัดแปลงและถังเหล็กบรรจุก๊าซหุงต้มพร้อมลูกเรือดังกล่าวส่งกรมศุลกากร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
