เจ้าคณะอำเภอบางคล้า หรือ “พระมหาเคลิ้ม” ร้องกองปราบฯ ช่วยตามแก๊งโกงเช่าพระเครื่องอ้างตัวทำงานในมูลนิธิวัดบวรฯ หลอกให้นำพระพุทธโสธร และพระสมเด็จวัดปากน้ำ มูลค่าไม่ต่ำกว่าแสนบาทไปให้ผู้อื่นเช่าแล้วจะนำเงินมาให้ แต่ไม่ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้ ยอมรับปลงแล้วคงไม่ได้ของคืน วอนขอให้แก๊งต้มตุ๋นสำนึกผิดเท่านั้น
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองปราบปราม พระมหาเคลิ้ม สุนฺทโร หรือสุดสาคร อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และเจ้าคณะอำเภอบางคล้า เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.เหรียญ บัวลา พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.2 บก.ป. เพื่อให้ช่วยติดตามตัวกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ประกอบด้วยพระเครื่องพุทธโสธร และพระสมเด็จวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาดำเนินคดี
พระมหาเคลิ้มให้การว่า เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2554 นายฉะอ้อน ปิ่นเจริญ หรือมหาฉะอ้อน ซึ่งเคยบวชเรียนด้วยกันมา ได้พาบุคคลที่อ้างชื่อว่านางอำนวย คชสาร นางจิตรา หรืออ้อย บุนนาค มาพบ โดยนางอำนวยอ้างตัวว่าทำงานอยู่ที่มูลนิธิวัดบวรฯ ก่อนจะออกอุบายหลอกลวงว่าจะขอเช่าพระเครื่อง คือ หลวงพ่อพุทธโสธร รุ่น พ.ศ. 2497 ตลับทองคำ และหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (หลวงพ่อสด รุ่นแรก) พระสมเด็จวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ที่มีอยู่ไปให้ผู้อื่นเช่า โดยจะนำเงินที่ได้จากการให้เช่าพระเครื่องดังกล่าวมาให้ภายใน 3 วัน แต่หลังจากมอบพระเครื่องให้แล้ว กลับไม่ได้เงินตามที่มีการกล่าวอ้าง และสุดท้ายเมื่อจะขอพระคืนทั้งหมดก็ไม่ยอมให้
“จริงๆ อาตมาปลงแล้วว่าอาจไม่ได้พระเครื่องคืนมา แต่อยากให้กลุ่มบุคคลที่ร่วมกันกระทำการครั้งนี้สำนึกผิดว่าได้นำพระเครื่องดังกล่าวไปจริง แค่ขอให้ยอมรับตรงนี้พอแล้ว ของที่ได้มาแบบนี้ถึงเก็บไว้กับตัวมันก็ไม่ดี ไม่เจริญ อาตมาเห็นมาเยอะแล้วคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งทำกับอาตมา หรือกับพระสงฆ์องค์เจ้า ที่ผ่านมาอาตมาบริจาคเงินให้เป็นสาธารณกุศลมาหลายครั้งๆ ละเป็นแสนบาท เรื่องแค่นี้อาตมาปลงได้” พระมหาเคลิ้มกล่าว
พระมหาเคลิ้มกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา แต่เวลาล่วงเลยมาหลายเดือนคดียังไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางมาร้องทุกข์ที่ บก.ป.เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการให้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้รับเรื่องและสอบปากคำพระมหาเคลิ้มไว้แล้วก่อนพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไป เนื่องจากการตรวจสอบรายชื่อกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างผู้เสียหายยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่าเป็นผู้ที่มาหลอกลวง
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองปราบปราม พระมหาเคลิ้ม สุนฺทโร หรือสุดสาคร อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และเจ้าคณะอำเภอบางคล้า เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.เหรียญ บัวลา พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.2 บก.ป. เพื่อให้ช่วยติดตามตัวกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ประกอบด้วยพระเครื่องพุทธโสธร และพระสมเด็จวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาดำเนินคดี
พระมหาเคลิ้มให้การว่า เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2554 นายฉะอ้อน ปิ่นเจริญ หรือมหาฉะอ้อน ซึ่งเคยบวชเรียนด้วยกันมา ได้พาบุคคลที่อ้างชื่อว่านางอำนวย คชสาร นางจิตรา หรืออ้อย บุนนาค มาพบ โดยนางอำนวยอ้างตัวว่าทำงานอยู่ที่มูลนิธิวัดบวรฯ ก่อนจะออกอุบายหลอกลวงว่าจะขอเช่าพระเครื่อง คือ หลวงพ่อพุทธโสธร รุ่น พ.ศ. 2497 ตลับทองคำ และหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (หลวงพ่อสด รุ่นแรก) พระสมเด็จวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ที่มีอยู่ไปให้ผู้อื่นเช่า โดยจะนำเงินที่ได้จากการให้เช่าพระเครื่องดังกล่าวมาให้ภายใน 3 วัน แต่หลังจากมอบพระเครื่องให้แล้ว กลับไม่ได้เงินตามที่มีการกล่าวอ้าง และสุดท้ายเมื่อจะขอพระคืนทั้งหมดก็ไม่ยอมให้
“จริงๆ อาตมาปลงแล้วว่าอาจไม่ได้พระเครื่องคืนมา แต่อยากให้กลุ่มบุคคลที่ร่วมกันกระทำการครั้งนี้สำนึกผิดว่าได้นำพระเครื่องดังกล่าวไปจริง แค่ขอให้ยอมรับตรงนี้พอแล้ว ของที่ได้มาแบบนี้ถึงเก็บไว้กับตัวมันก็ไม่ดี ไม่เจริญ อาตมาเห็นมาเยอะแล้วคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งทำกับอาตมา หรือกับพระสงฆ์องค์เจ้า ที่ผ่านมาอาตมาบริจาคเงินให้เป็นสาธารณกุศลมาหลายครั้งๆ ละเป็นแสนบาท เรื่องแค่นี้อาตมาปลงได้” พระมหาเคลิ้มกล่าว
พระมหาเคลิ้มกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา แต่เวลาล่วงเลยมาหลายเดือนคดียังไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางมาร้องทุกข์ที่ บก.ป.เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการให้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้รับเรื่องและสอบปากคำพระมหาเคลิ้มไว้แล้วก่อนพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไป เนื่องจากการตรวจสอบรายชื่อกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างผู้เสียหายยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่าเป็นผู้ที่มาหลอกลวง