“นครบาล” สั่ง 88 สน.สำรวจกล้องซีซีทีวีในพื้นที่ว่ามีตัวกล้องตัวใดใช้งานได้หรือไม่และให้ติดตั้งเพิ่ม ในจุดเปลี่ยวล่อแหลมและพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญ นอกจากนี้ได้เตรียมจัดโครงการ (Un forget) ติดตามจับกุมคดีลักทรัพย์ตามหมายจับค้างเก่าตั้งแต่ปี 53-54 จำนวน 300 คน
วันนี้ (16 ก.พ.) พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ภายหลังสั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 รับผิดชอบพื้นที่ 88 สน. สำรวจกล้องซีซีทีวีและกล้องวงจรปิด ทั้งของหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ติดตั้งในจุดต่างๆ ว่ามีจำนวนเท่าไร สามารถใช้งานได้ทุกตัวหรือไม่และจะต้องติดตั้งเพิ่มเติมในจุดใดบ้างเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญที่เกิดขึ้นนั้น โดยในแต่ละ บก.ได้รายงานผลการสำรวจเข้ามาแล้วแต่เป็นข้อมูลในภาพรวมซึ่งไม่ตรงตามเป้าหมายที่สั่งการไป จึงส่งเรื่องตีกลับให้ไปสำรวจมาใหม่โดยให้ตำรวจได้เข้าไปสำรวจในสถานที่จริงทุกพื้นที่
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า ในส่วนนี้ได้มีการสั่งให้สำรวจและติดตั้งเพิ่มจำนวนมากและหลังจากหารือกับ กทม.ขอให้มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวี และกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในจุดเปลี่ยวจุดล่อแหลม และพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมแล้วจะเข้าหารือกับผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยขอความอนุเคราะห์ติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม โดยการหันหน้ากล้องออกนอกถนน หากได้รับความร่วมมือจาก 3 ส่วนนี้จะส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมลดลงได้ในระดับหนึ่ง
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวอีกว่า ได้จัดทำโครงการติดตามจับกุมคดีลักทรัพย์ตามหมายจับค้างเก่า โดยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “un forgot” เพื่อทบทวนและเตือนความทรงจำของเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอความร่วมมือจากประชาชนในการแจ้งเบาะแส โดยการคัดเลือกผู้ต้องหาที่มีคดีเก่าค้าง ประเภทลักทรัพย์ที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในปี 2553-2554 ที่ผ่านมา และได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้จำนวน 300 คน โดยจะมีภาพของผู้ต้องหาและเลขที่หมายจับท้องที่เกิดเหตุปรากฏอยู่ชัดเจน จากนั้นจะนำไปแจกจ่ายตาม สน.ต่างๆ รวมถึงแหล่งชุมชน เพื่อขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสข้อมูลคนร้ายตามหมายจับ หากพบเห็นสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ 191 หรือส่งมาที่ตู้ ปณ.191 ปณ.รองเมือง เขตปทุมวัน กทม. 10330 โดยโครงการดังกล่าวจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 17 ก.พ.นี้