“พระกี้ร์ อริสมันต์” เดินทางไปศาลขอรวมสำนวนคดีก่อการร้ายกับ 19 แกนนำ นปช. เนื่องจากคดีมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกัน ศาลนัดฟังคำสั่งอนุญาตหรือไม่ 23 เม.ย.นี้
วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.4958/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง อายุ 47 ปี แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1-2 และกระทำผิดพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
โดยนัดนี้ นายศุชัยวุฒิ ชาวสวนกล้วย ทนายความจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งรวมคดีนี้เข้ากับคดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายขวัญชัย สาระคำ หรือไพรพนา นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก ชูกล่อม นายนิสิต สินธุไพร นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วม นปช. รวม 19 คนในข้อหาเดียวกัน เนื่องจากคดีมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกัน ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาและนัดฟังคำสั่งว่าจะอนุญาตให้รวมคดีหรือไม่ ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นัดนี้นายอริสมันต์ จำเลยซึ่งอยู่ระหว่างบวชเป็นพระเดินทางมาศาลด้วยตนเองโดยมีกลุ่ม นปช.จำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ
สำหรับคดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - พ.ค.53 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้ร่วมกับพวกที่เป็นแกนนำ และแนวร่วม นปช.ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยซึ่งเป็นแกนนำ นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ร่วมกันกับพวก ยุยง ปลุกปั่นประชาชนทั่วราชอาณาจักรไทยให้เข้าร่วมชุมนุมและทำกิจกรรม โดยมีความมุ่งหมายที่จะต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นให้ประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยจำเลยกับพวกจัดให้มีการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตามแนวถนนราชดำเนินไปจนถึงสี่แยกคอกวัว และแยกราชประสงค์ มีการเดินขบวนและเคลื่อนย้ายประชาชนไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย รัฐสภา กรมทหารราบที่ 22 และบ้านพักของนายกรัฐมนตรี และมีการใช้อาวุธเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่บ้านพักประชาชน เพื่อสร้างความปั่นป่วนก่อให้เกิดความเสียหายแก่การคมนาคม และทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อนเกรงกลัวอันตรายที่จะก่อให้เกิดขึ้นต่อชีวิตและร่างกาย และทรัพย์สิน ขัดขวางการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนทั่วไป และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันสะสมกำลังพลและอาวุธสงครามร้ายแรง มีการฝึกกำลังคนและฝึกการใช้อาวุธ โดยเรียกชื่อกลุ่มกองกำลังว่ากลุ่มนักรบพระเจ้าตาก, กลุ่มนักรบโรนิน หรือกลุ่มนักรบพระองค์ดำเพื่อก่อการร้าย และยังใช้เลือดของจำเลยกับกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากไปเทราดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่พรรคประชาธิปัตย์ และหน้าบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังมีการใช้เครื่องยิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรียิงใส่กองบัญชาการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รมน.) มีทหารได้รับบาดเจ็บบุกตรวจค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยอ้างว่ามีทหารแอบซ่อนอยู่ทำให้แพทย์ พยาบาลไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยได้ และสถานที่อื่นๆ หลายแห่ง
การกระทำของจำเลยกับพวกในการเดินขบวนชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลขณะนั้น ทำตามคำเรียกร้องไม่เป็นการกระทำโดยใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลแพ่งมีคำสั่งวันที่ 5 เม.ย.53 ว่าการกระทำของจำเลยและผู้ชุมนุมเป็นการกีดขวางเส้นทางคมนาคม ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และหลังจากวันที่ 7 เม.ย.53 ที่นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำเลยกับพวก ยังคงก่อความไม่สงบนำกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปที่รัฐสภา และทำร้ายร่างกายทหารที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งแย่งชิงยึดอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอกของราชการไปด้วย
ต่อมาจำเลยกับพวกยังบุกรุกเข้าไปในสถานีดาวเทียมไทยคม 2 ที่ตำบลและอำเภอลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณโทรทัศน์ “พีเพิลแชนแนล” หรือ PTV ที่เป็นกระบอกเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะวันที่ 10 เม.ย.53 จำเลยกับพวก ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายและใช้อาวุธปืนสงครามระเบิดขว้างเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงใส่ทหารและประชาชนเป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนเสียชีวิตบาดเจ็บจำนวนมาก และยังลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งยังมีการยิงระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาสีลม และสาขาอื่นๆ อีกหลายแห่ง