ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 10 ปี อดีตรอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง ฐานพยามฆ่าชักปืนยิงขู่คนขับแท็กซี่ที่จอดรถขวางทาง ขณะเดียวกันการตรวจหลักฐานยังพบเขม่าดินปืนที่กระจกรถคันก่อเหตุ และกระสุนปืนตรงกับเหตุที่จำเลยเคยยิง “น.อ.” ราชนาวี เสียชีวิตคาปิคอัพเมื่อปี 53 ด้วย
วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 612 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.850/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ อดีตรอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง เป็นจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 18 ก.ค.53 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. และกระสุนปืนขนาด 9 มม.ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ติดตัวไปซอยจำเนียรเสริม เขตวังทองหลาง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายมณเฑียร จิตตระกูล อายุ 46 ปี ผู้เสียหายคนขับรถแท็กซี่โดยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล เหตุเกิดที่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มีนายมณเฑียร ผู้เสียหาย เบิกความว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุขณะขับรถสวนกับรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ สามารถจดจำทะเบียน 1818 กรุงเทพมหานคร ของคนร้ายได้อย่างแม่นยำ โดยไฟด้านรถฉายส่องด้านคนขับในรถตู้พบเป็นจำเลยอยู่ในสภาพหน้าแดงคล้ายคนเมาสุรา จอดขวางกันอยู่กลางซอย โดยจำเลยตะโกนถามว่า “มึงจะถอยหรือไม่” กระทั่งรถเคลื่อนผ่านสวนกัน จำเลยและผู้เสียหายต่างลดกระจกลงจนสุด จึงสามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่จำเลยจะพูดว่า “มึงจะเอาไหม มึงจะเอาไหม” พร้อมกับชักปืนขึ้นยิงขู่ เห็นว่าผู้เสียหายสามารถจดจำใบหน้าของจำเลยได้ ภายหลังพนักงานสอบสวนนำตัวจำเลยไปให้ผู้เสียหายชี้ยืนยันก็สามารถชี้ตัวจำเลยได้โดยไม่มีการลังเล
นอกจากนี้ จากการตรวจพิสูจน์รถตู้โตโยต้าของจำเลย ยังพบคราบเขม่าดินปืนที่บริเวณกระจกประตูข้างคนขับ อีกทั้งปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุยังตรงกับปลอกกระสุนที่จำเลยได้ก่อเหตุยิง น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ นายทหารสังกัดกรมกำลังพลทหารเรือ พระราชวังเดิม กองทัพเรือ เสียชีวิตคารถยนต์ปิกอัพ ในท้องที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 2 พ.ย.53 อีกด้วย
จำเลยต่อสู้ว่า ขณะเกิดเหตุนั้นเข้าเวรอยู่ที่ สน.ห้วยขวาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 นาย ส่วนที่ไม่ส่งมอบปืนให้แก่พนักงานสอบสวนเนื่องจากไม่มั่นใจในกระบวนการสอบสวนของตำรวจ เห็นว่าจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจย่อมทราบดีว่าหากมีพยานหลักฐานใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองไม่ได้กระทำความผิด ย่อมต้องรีบพิสูจน์แสดงหลักฐานตั้งแต่แรก ส่วนที่อ้างว่าขณะเกิดเหตุนั้นเข้าเวรอยู่ที่ สน.ห้วยขวาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเบิกความนั้น เห็นว่าเป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือให้จำเลยพ้นจากความผิด ซึ่งง่ายต่อการกล่าวอ้าง พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ ส่วนความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ ให้ยกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถยึดปืนกระบอกดังกล่าวได้
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี