รถบรรทุกพ่วงเฉี่ยวชน จยย.รับจ้างทับร่างผู้โดยสารนั่งซ้อนท้ายเสียชีวิต โดยคนขับ จยย.รีบขับหลบหนี แต่ตำรวจตามเจอที่แฟลตในสภาพศีรษะแตก ถลอกตามร่างกาย เจ้าตัวอ้างขับหลบด่านตรวจเพราะรถไม่มีกระจก-ไม่มีหมวกกันน็อกจนมาเกิดอุบัติเหตุตกใจกลัวเลยหนีไปสงบสติ
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.สุชาติ ช่างทำ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางนา รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงเฉี่ยวชนจักรยานยนต์รับจ้างและทับร่างผู้โดยสารที่นั่งซ้อนท้ายจนเสียชีวิต บริเวณถนนบางนา-ตราดฝั่งขาเข้า กม.3 ตรงข้ามกับโรงพยาบาลไทยนครินทร์ แขวงและเขตบางนา ส่วนจักรยานยนต์รับจ้างได้ขับขี่หลบหนีไป จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบศพ นายปรีชา หมื่นสุดตา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ที่ 2 ต.ดงประคำ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก อยู่บริเวณถนนในช่องทางด่วน สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีขาว กลางหลังมีรอยล้อรถทับ จนทำให้กะโหลกศีรษะแตก กระดูกซี่โครงหัก ใกล้กันพบรถบรรทุกพ่วง 16 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า หมายเลขทะเบียนหัวพ่วง 73-1597 กทม. ท้ายพ่วง 76-6197 กทม.โดยมี นายสุริยา อันทะโส อายุ 55 ปี โชเฟอร์รถบรรทุกคันดังกล่าวยืนรอให้การอยู่ในที่เกิดเหตุ
นายสุริยา ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถพ่วงบรรทุกขวดเหล้าจากย่านบางพลี เพื่อจะไปส่งในย่านบางยี่ขัน ซึ่งเมื่อมาถึงจุดเกิด รถ จยย.รับจ้างที่ผู้ตายนั่งซ้อนมาได้หักหลบรถกระบะคันหนึ่งเข้ามาในช่องทางตนจึงพยายามเร่งเครื่องให้แซง แต่ส่วนท้ายพ่วงไม่พ้นทำให้ไปเฉี่ยวกับจักรยานยนต์ และทับผู้ตายที่กระเด็นมาอยู่ใต้รถ ส่วนคนขับจักรยานยนต์รับจ้างที่กระเด็นไปริมถนนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หลังจากลุกขึ้นมาก็เห็นว่ารีบขี่จักรยานยนต์หนีออกไป
ต่อมาทางตำรวจได้ติดตามคนขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างคันดังกล่าวได้ที่บริเวณแฟลตใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ทราบชื่อต่อมาคือ นายโหน่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก และมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย พร้อมจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอร์เบลด สีดำ หมายเลขทะเบียน ษขค 488 กทม.จึงนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.บางนา พร้อมให้การว่า ก่อนเกิดเหตุรับผู้ตายมาจากวินหน้าโรงกลั่นน้ำมันบางจาก เพื่อจะไปส่งที่ซอยบางนา-ตราด 30 ซึ่งเมื่อมาถึงบริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุเห็นว่ามีตำรวจจราจรตั้งด่าน จึงบอกผู้ตายว่าวิ่งผ่านด่านไม่ได้ เพราะไม่ได้สวมหมวกกันน็อก และไม่มีกระจกมองหลัง กลัวจะถูกจับ แต่ผู้ตายกลับบอกว่าต้องรีบไปส่งเอกสาร พร้อมสั่งให้ขับขี่หลบด่านเข้าไปในช่องทางด่วน หากมีอะไรจะรับผิดชอบเอง จึงรีบขับขี่จักรยานยนต์เลี้ยวเข้าช่องทางด่วน แต่กลับถูกท้ายรถพ่วงคันดังกล่าวเฉี่ยวชนจนล้มคว่ำ ซึ่งไม่ได้หักหลบรถกระบะตามที่คนขับรถบรรทุกพ่วงอ้าง โดยหลังจากเห็นผู้โดยสารถูกรถพ่วงทับตายคาที่ก็ตกใจกลัวจึงรีบขับขี่รถหนีไปก่อน โดยไปนั่งสงบสติในแฟลตจนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาพบ
ด้าน ร.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับใคร เนื่องจากต้องรอสอบปากคำผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง พร้อมเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเนื่องจากยังเป็นเยาวชน พร้อมทั้งต้องสอบปากคำคนขับรถบรรทุกพ่วงอย่างละเอียดอีกครั้ง และรอผลการตรวจร่องรอยการเฉี่ยวชนในที่เกิดเหตุก่อนจะดำเนินการแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิดต่อไป