ตำรวจตามรวบตัวคู่หูที่ก่อเหตุชิงทองในห้างบิ๊กซี ย่านมีนบุรี ได้แล้ว รับสารภาพ เป็นคู่หูกับคนร้ายที่ถูกวิสามัญฯทิ้ง แต่ไม่ได้วางแผนมาก่อนเข้าปฏิบัติการ เพียงแต่ต้องการหาเงินไปใช้หนี้พนัน 3 ล้านบาท ที่ทั้งคู่เป็นหนี้อยู่ในบ่อนเขมร
วันนี้ (5 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ท.สุทิน เขียวรัตน์ ผบช.ตชด. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รองผบช.น.และ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี แถลงการจับกุมตัว นายพิทักษ์ รักษาดี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 2 ต.ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า สาขาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 และใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจตชด.บาดเจ็บสาหัส ตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 3/2555 ลงวันที่ 5 ม.ค.ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานฯ พร้อมของกลางอาวุธปืนบาเรตต้าขนาด .380 ที่ใช้ก่อเหตุ 1 กระบอก โดยจับกุมตัวได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 5
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเวลาประมาณ 11.30 น.ของวันที่ 29 ธ.ค.54 ได้เกิดเหตุคนร้าย 2 คน บุกเข้าไปชิงทรัพย์ภายในร้านทองออโรร่า สาขาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 และจับหญิงสาวเป็นตัวประกัน จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ ด.ต.เชี่ยวชาญ เจริญศิริ ผบ.หมู่สังกัด ตชด.21 เพื่อเปิดทางหนี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่ 1 ในคนร้าย คือ นายพนมกร โพธิ์กัน อายุ 30 ปี จะถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยมีทองรูปพรรณน้ำหนัก 330 บาท ตกอยู่ข้างศพ ส่วนคนร้ายอีกคนขี่รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีน้ำเงิน หลบหนีไปได้
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า คนร้ายทั้งสองคนได้ร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง โดยนายพิทักษ์ ได้จับหญิงสาวเป็นตัวประกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ที่ปฏิบัติหน้าที่เห็นเหตุการณ์ก็พยายามสกัดจับคนร้าย แต่ก็ถูกนายพิทักษ์ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ 3 นัด จนล้มลง ก่อนหลบหนีไป จากนั้นคนร้ายอีกคน คือ นายพนมกร ได้วิ่งออกมาพร้อมกับถือถุงทองของกลาง เห็น ด.ต.เชี่ยวชาญ ถูกยิงล้มอยู่ก็ยิงซ้ำอีก 2 นัด ขณะนั้น ด.ต.เชี่ยวชาญ ยังไม่หมดสติ จึงพลิกตัวกลับมายิงใส่คนร้าย 3 นัด จนเสียชีวิต หลังจากนั้น ผบช.น.ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย จนทราบว่าคนร้าย คือ นายพิทักษ์ ซึ่งมีความสนิทสนมกับ นายพนมกร โดยทั้งสองคนจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา กระทั่งสามารถจับกุมตัวนายพิทักษ์ ได้พร้อมอาวุธปืนขนาด .380 ที่ใช้ยิง ด.ต.เชี่ยวชาญ
จากการสอบสวน นายพิทักษ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนกับนายพนมกร เป็นเพื่อนสนิทกัน นายพนมกร มีอาชีพเป็นช่างทำจิวเวลรี่ ส่วนตนขายรถยนต์มือสอง สาเหตุที่ตัดสินใจทำ ก็เพราะต่างคนต่างไม่มีเงิน นายพนมกร โทรศัพท์มาชักชวนให้ไปปล้นร้านทองด้วยกัน จึงตัดสินใจทำโดยที่ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าแต่อย่างใด ส่วนที่เลือกร้านดังกล่าว เพราะอยู่ชั้นล่าง ใกล้กับทางออก เงินที่ได้จะเอาไปใช้หนี้ เพราะติดการพนันที่บ่อนประเทศเขมรอย่างหนัก เป็นหนี้อยู่ประมาณ 3 ล้านบาท ต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงด้วย ไม่ได้คิดจะฆ่าให้เสียชีวิตเพียงแค่ต้องการจะหลบหนี หลังก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไปฝากไว้กับแฟนสาวที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ส่วนรถ จยย.นำไปฝากกับเพื่อน ชื่อ โต ย่านซอยวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.กระทั่งมาถูกจับกุมตัว
ด้าน พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา พบว่า อยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับของศาลอาญาที่ 1778/53 ลงวันที่ 16 ส.ค.53 ในข้อหาพยายามฆ่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ส.ค.53 ท้องที่ สน.โชคชัย และหลบหนีประกันชั้นศาลอุทธรณ์ในข้อหาพยายามฆ่าในท้องที่ สน.ทองหล่อ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.53 หลังจากนี้ จะควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีต่อไป