คนขับรถเป็นอาสาช่วยน้ำท่วมเครียดจัด จากถูกนายดุด่าบ่อยครั้ง กินเหล้าขาวย้อมใจ แล้วลั่นไกยิงนายเสียชีวิตกลางวัด แถมใจเย็นกลับไปนั่งดวลเหล้าต่อใกล้จุดเกิดเหตุ พอชาวบ้านวิจารณ์ถึงเหตุที่เจ้าตัวก่อขึ้นอย่างโหดเหี้ยม กลับถูกไล่ยิงจนกระสุนไปโดนเจ้าหน้าที่ร่วมอาสาฯเสียชีวิตอีกราย แล้วยังมานั่งตอบคำถาม “คนร้ายหนีไปแล้ว” และตั้งท่าจะยิงตำรวจ จึงถูกรวบตัวดำเนินคดี
วันนี้ (17 ธ.ค.) เวลา 06.30 น. พ.ต.ท.โชติพัฒน์ สิทธิ์พิทักษ์ชัย พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชิวิตภายในวัดหนองใหญ่ แขวงและเขตสายไหม กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.คันนายาว แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุภายในวัด บริเวณหน้าศาลาการเปรียญ มีเต็นท์เรียงราย ภายในเต็นท์พบขวดเหล้าขาวตั้งอยู่ กองเสื้อผ้า และปลอกกระสุนขนาด 11 มม.ตกอยู่ 1 นัด ที่ด้านหน้าเต็นท์พบศพนายธรรมนพ อัครพินท์ อายุ 48 ปี เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ อำเภอวังสะพุง จ.เลย อยู่บ้านเลขที่ 382 ม.7 ต.หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย นอนเสียชีวิตถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. ในสภาพศพนอนคว่ำ สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน สวมรองเท้ากีฬา โดยถูกกระสุนยิงเข้าที่ด้านหลังทะลุออกปลายคาง จำนวน 1 นัด ใกล้กันยังพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่ข้างศพอีก จำนวน 1 นัด โดยห่างออกไปราว 10 เมตร ที่หน้าโบสถ์วัดพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ 5 ปลอก มีคราบเลือดตกอยู่ที่พื้น พบผู้บาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกัน ทราบชื่อ นายสุพัตร ภูธรศรี อายุ 46 ปี เจ้าหน้าที่ปกครองระดับ 5 จ.เลย ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังทะลุหน้าอก จำนวน 2 นัด และอีกนัดกระสุนเฉี่ยวมือซ้าย บาดเจ็บสาหัส ซึ่งเจ้าหน้าที่อาสาฯ จ.เลย จึงช่วยกันนำตัวส่ง รพ.สายไหม แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทาง ส่วนคนร้ายทราบชื่อ นายพิทยาคม มณีวงษ์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.1 ต.ปากปวน อ.วังสะพุง จ.เลย ซึ่งเป็นคนขับรถของ นายธรรมนพ ผู้ตาย
หลังจากก่อเหตุ นายพิทยาคม ได้มานั่งอยู่ที่เต็นท์นอนหน้าศาลา ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถามว่า คนร้ายหนีไปไหนแล้ว นายพิทยาคม พูดว่า “คนร้ายหนีไปแล้ว” แต่เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นพระลูกวัดส่งสัญญาณจากด้านหลัง เพื่อจะบอกว่าคนร้ายคือใคร โดยได้ชี้มือไปทางนายพิทยาคม ว่า เป็นคนก่อเหตุ เพราะนายพิทยาคม กำลังจะควักปืนขึ้นมายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไหวตัวทัน รีบตะครุบตัวจับนายพิทยาคม กดไว้ แล้วแย่งปืนมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่ สน.คันนายาว
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ ระบุว่า นายธรรมนพ ผู้ตายได้นำอาสาสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จ.เลย จำนวนกว่า 100 คน มาตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในกรุงเทพฯ เป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือนแล้ว และเพิ่งย้ายมาพักที่วัดหนองใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย นายพิทยาคม จะเป็นคนขับรถให้นายธรรมนพ ออกไปช่วยเหลือชาวบ้านที่น้ำท่วมเกือบทุกวัน แต่ นายพิทยาคม มักจะไม่อยู่ที่รถเวลาผู้ตายกลับมา จึงทำให้ถูกดุด่าว่ากล่าวตักเตือนเป็นประจำ จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ นายพิทยาคม นั่งดื่มเหล้าขาวย้อมใจ เพราะคงเครียดที่มาช่วยงานน้ำท่วมนานเป็นเดือน ซึ่งมีกำหนดจะได้กลับบ้านในวันนี้ 17 ธ.ค.แต่มีคำสั่งให้อยู่ช่วยต่อถึงวันที่ 25 ธ.ค.เลยเดินตรงไปชักปืนจ่อยิงนายธรรมนพ ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเตรียมทำกิจวัตรประจำวันจนล้มลงเสียชีวิต แล้วกลับไปนั่งดื่มเหล้าที่เต็นท์อีกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนชาวบ้านและอาสาฯที่อยู่ในวัดมายืนมุงดูศพ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมของนายพิทยาคม ซึ่งทำให้ นายพิทยาคม ไม่พอใจไล่ยิงชาวบ้านที่วิ่งหนีแตกตื่นไปที่ประตูหน้าโบสถ์วัดอีกจำนวนหลายนัด จน นายสุพัตร ถูกกระสุนปืนยิงเข้าทางด้านหลังเสียชีวิตเป็นรายที่ 2 ส่วน นายพิทยาคม หลังก่อเหตุทำเงียบขรึม ไปนั่งอยู่หน้าเต็นท์เป็นปกติ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.คันนายาว
จาการสอบสวน นายพิทยาคม ซึ่งมีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง ให้การวกไปวนมาจับใจความไม่รู้เรื่อง จึงนำตัวเข้าห้องขังให้สร่างเมาก่อน หลังจากสร่างเมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า น่าจะมาจากความเครียดที่ไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลานาน จนทำให้ก่อเหตุสลดดังกล่าว ก่อนจะนำตัวดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (17 ธ.ค.) เวลา 06.30 น. พ.ต.ท.โชติพัฒน์ สิทธิ์พิทักษ์ชัย พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชิวิตภายในวัดหนองใหญ่ แขวงและเขตสายไหม กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.คันนายาว แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุภายในวัด บริเวณหน้าศาลาการเปรียญ มีเต็นท์เรียงราย ภายในเต็นท์พบขวดเหล้าขาวตั้งอยู่ กองเสื้อผ้า และปลอกกระสุนขนาด 11 มม.ตกอยู่ 1 นัด ที่ด้านหน้าเต็นท์พบศพนายธรรมนพ อัครพินท์ อายุ 48 ปี เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ อำเภอวังสะพุง จ.เลย อยู่บ้านเลขที่ 382 ม.7 ต.หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย นอนเสียชีวิตถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. ในสภาพศพนอนคว่ำ สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน สวมรองเท้ากีฬา โดยถูกกระสุนยิงเข้าที่ด้านหลังทะลุออกปลายคาง จำนวน 1 นัด ใกล้กันยังพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่ข้างศพอีก จำนวน 1 นัด โดยห่างออกไปราว 10 เมตร ที่หน้าโบสถ์วัดพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ 5 ปลอก มีคราบเลือดตกอยู่ที่พื้น พบผู้บาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกัน ทราบชื่อ นายสุพัตร ภูธรศรี อายุ 46 ปี เจ้าหน้าที่ปกครองระดับ 5 จ.เลย ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังทะลุหน้าอก จำนวน 2 นัด และอีกนัดกระสุนเฉี่ยวมือซ้าย บาดเจ็บสาหัส ซึ่งเจ้าหน้าที่อาสาฯ จ.เลย จึงช่วยกันนำตัวส่ง รพ.สายไหม แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทาง ส่วนคนร้ายทราบชื่อ นายพิทยาคม มณีวงษ์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.1 ต.ปากปวน อ.วังสะพุง จ.เลย ซึ่งเป็นคนขับรถของ นายธรรมนพ ผู้ตาย
หลังจากก่อเหตุ นายพิทยาคม ได้มานั่งอยู่ที่เต็นท์นอนหน้าศาลา ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถามว่า คนร้ายหนีไปไหนแล้ว นายพิทยาคม พูดว่า “คนร้ายหนีไปแล้ว” แต่เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นพระลูกวัดส่งสัญญาณจากด้านหลัง เพื่อจะบอกว่าคนร้ายคือใคร โดยได้ชี้มือไปทางนายพิทยาคม ว่า เป็นคนก่อเหตุ เพราะนายพิทยาคม กำลังจะควักปืนขึ้นมายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไหวตัวทัน รีบตะครุบตัวจับนายพิทยาคม กดไว้ แล้วแย่งปืนมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่ สน.คันนายาว
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ ระบุว่า นายธรรมนพ ผู้ตายได้นำอาสาสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จ.เลย จำนวนกว่า 100 คน มาตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในกรุงเทพฯ เป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือนแล้ว และเพิ่งย้ายมาพักที่วัดหนองใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย นายพิทยาคม จะเป็นคนขับรถให้นายธรรมนพ ออกไปช่วยเหลือชาวบ้านที่น้ำท่วมเกือบทุกวัน แต่ นายพิทยาคม มักจะไม่อยู่ที่รถเวลาผู้ตายกลับมา จึงทำให้ถูกดุด่าว่ากล่าวตักเตือนเป็นประจำ จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ นายพิทยาคม นั่งดื่มเหล้าขาวย้อมใจ เพราะคงเครียดที่มาช่วยงานน้ำท่วมนานเป็นเดือน ซึ่งมีกำหนดจะได้กลับบ้านในวันนี้ 17 ธ.ค.แต่มีคำสั่งให้อยู่ช่วยต่อถึงวันที่ 25 ธ.ค.เลยเดินตรงไปชักปืนจ่อยิงนายธรรมนพ ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเตรียมทำกิจวัตรประจำวันจนล้มลงเสียชีวิต แล้วกลับไปนั่งดื่มเหล้าที่เต็นท์อีกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนชาวบ้านและอาสาฯที่อยู่ในวัดมายืนมุงดูศพ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมของนายพิทยาคม ซึ่งทำให้ นายพิทยาคม ไม่พอใจไล่ยิงชาวบ้านที่วิ่งหนีแตกตื่นไปที่ประตูหน้าโบสถ์วัดอีกจำนวนหลายนัด จน นายสุพัตร ถูกกระสุนปืนยิงเข้าทางด้านหลังเสียชีวิตเป็นรายที่ 2 ส่วน นายพิทยาคม หลังก่อเหตุทำเงียบขรึม ไปนั่งอยู่หน้าเต็นท์เป็นปกติ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.คันนายาว
จาการสอบสวน นายพิทยาคม ซึ่งมีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง ให้การวกไปวนมาจับใจความไม่รู้เรื่อง จึงนำตัวเข้าห้องขังให้สร่างเมาก่อน หลังจากสร่างเมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า น่าจะมาจากความเครียดที่ไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลานาน จนทำให้ก่อเหตุสลดดังกล่าว ก่อนจะนำตัวดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป