สตม.จับแก๊งฟอกเงินข้ามชาติ พร้อมยึดหนังสือเดินทางปลอมของประเทศในแถบยุโรป กว่า 52 เล่ม สมุดบัญชีเงินฝากแบงก์พาณิชย์ในไทยและบัตรเอทีเอ็มจำนวนมากภายในห้องพักคอนโดฯ หรูย่านรามคำแหง พบเพียง 3 เดือนมีการหมุนเวียนเงินเข้าบัญชีกว่า 5 ล้านบาท เตรียขยายผลติดตามจับกุมพรรคพวกร่วมขบวนการต่อไป
วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม. พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก ผบก.สส.สตม. และพ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสงรอง ผบก.สส.สตม. แถลงการจับกุมนายหลุยส์ ฟาสมาล ซิตา (LUIS FAZMAL ZITA) อายุ 36 ปี สัญชาติโมซัมบิค ผู้ต้องหาในความผิดฐานมีไว้เพื่อใช้และจำหน่ายซึ่งหนังสือเดินทางปลอม พร้อมของกลางหนังสือเดินทาง จำนวน 52 เล่ม บัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ จำนวน 43 เล่ม และบัตรเอทีเอ็ม จำนวน 56 ใบ รวมของกลางจำนวน 151 รายการ สามารถจับกุมได้ที่ ห้องชุดเลขที่ 124/221 อาคารชุดลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทรเดชา-รามคำแหง แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
พล.ต.ท.วิบูลย์เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ได้รับการประสานงานจากทีมสืบสวนภายในองค์กร สายบริหารการป้องกันการทุจริต ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ว่ามีบุคคลต่างด้าวนำหนังสือเดินทางปลอมที่ปรากฎภาพใบหน้าบุคคลเดียวกัน แต่สัญชาติและข้อมูลในหนังสือเดินทางแตกต่างกันมาเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารไทยพาณิชย์ รวมจำนวน 7 บัญชี เพื่อเป็นช่องทางการโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งมียอดเงินโอนจากต่างประเทศผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แล้ว จำนวนมากกว่า 5 ล้านบาท
พล.ต.ท.วิบูลย์กล่าวอีกว่า ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่า บุคคลดังกล่าวพักอาศัยอยู่ภายในซอยรามคำแหง 43/1 จึงติดตามจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 124/221 อาคารชุดลุมพินี คอนโดทาวน์ ย่านรามคำแหง ซึ่งจากการตรวจค้นภายในห้องชุดเลขที่ดังกล่าวพบหนังสือเดินทางปลอมของประเทศต่างๆ ในแถวยุโรป ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส เบลเยี่ยม กรีซ และโปรตุเกต ซึ่งปรากฎภาพใบหน้าของนายหลุยส์ ฟาสมาล ซิตา ในหนังสือเดินทาง จำนวน 52 เล่ม พร้อมของกลางอีกจำนวน 151 รายการ โดยจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารในเบื้องต้นพบว่าในระยะเวลาเพียงสามเดือนที่ผ่านมา มีการโอนเงินเข้ามาในบัญชีของนายหลุยส์กว่า 5 ล้านบาท
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หนังสือเดินทางปลอมทั้งหมดเป็นของตนเอง ซึ่งได้ใช้ประกอบการยื่นคำเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อเป็นช่องทางการโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิดกฎหมายจากต่างประเทศ โดยตนจะได้รับส่วนแบ่งร้อยละสิบของยอดเงินที่มีการโอนเข้าบัญชีที่ตนได้เปิดขึ้นในประเทศไทย ส่วนหนังสือเดินทางปลอมนั้นได้ว่าจ้างคนชาวปากีสถานซึ่งอยู่ในขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางจัดทำขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา มีไว้เพื่อใช้และเพื่อจำหน่ายซึ่งหนังสือเดินทางปลอม และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สตม.จะได้ประสานข้อมูลกับทาง ปปง., บช.ปส. เพื่อขยายผลการสืบสวนและติดตามจับกุมขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งนี้ต่อไป