รวบคาหนังคาเขาอดีตเซลส์แมนขายรถยนต์ ขณะกำลังก่อเหตุงัดเบาะรถ จยย.ผู้คนที่มาออกกำลังกายภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก เพื่อลักทรัพย์สิน สารภาพทำมาแล้ว 15 ครั้ง ตกงานเลยหากินด้วยวิธีนี้ โดยจะใช้มือยกเบาะรถให้มีช่อง แล้วมืออีกข้างจะล้วงหยิบทรัพย์สิน นำไปขายหาเงินมาใช้จ่าย พบประวัติมีหมายจับคดีลักทรัพย์เพียบ
วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.ธารา เครือละม้าย สว.สส.สน.หัวหมาก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก แถลงการจับกุม นายพีรพัฒน์ แป้นทอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 14 ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหางัดเบาะจักรยานยนต์ของประชาชนที่มาออกกำลังกาย พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง เงินสด 900 บาท ตั๋วจำนำโทรศัพท์มือถือ 7 ฉบับ บัตรเครดิต และกระเป๋าเงิน 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ขณะกำลังก่อเหตุ
พล.ต.ต.สุธีร์กล่าวว่า สน.หัวหมากได้รับแจ้งจากผู้เสียหายที่มาออกกำลังกายภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ว่าได้ถูกคนร้ายงัดเบาะรถจักรยานยนต์ขโมยทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังลงพื้นที่ เพื่อดักซุ่มคนร้ายขณะลงมือก่อเหตุ กระทั่งพบผู้ต้องหากำลังก่อเหตุงัดเบาะจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม และควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพอ้างว่าก่อนเป็นโจรงัดแงะทรัพย์สินประชาชนที่มาออกกำลังกาย ตนเคยเป็นเซลส์ขายรถยนต์ แต่ตกงานจึงมาทำแบบนี้ เพื่อขโมยทรัพย์สิน โดยใช้วิธีการเอามือยกเบาะรถให้มีช่อง จากนั้นใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปหยิบทรัพย์สินเพื่อนำไปขายหาเงินมาใช้จ่าย โดยทำมาแล้ว 15 ครั้ง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับคดีลักทรัพย์ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน ส.ค. 2554 จำนวน 2 ครั้ง โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.ธารา เครือละม้าย สว.สส.สน.หัวหมาก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก แถลงการจับกุม นายพีรพัฒน์ แป้นทอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 14 ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหางัดเบาะจักรยานยนต์ของประชาชนที่มาออกกำลังกาย พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง เงินสด 900 บาท ตั๋วจำนำโทรศัพท์มือถือ 7 ฉบับ บัตรเครดิต และกระเป๋าเงิน 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ขณะกำลังก่อเหตุ
พล.ต.ต.สุธีร์กล่าวว่า สน.หัวหมากได้รับแจ้งจากผู้เสียหายที่มาออกกำลังกายภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ว่าได้ถูกคนร้ายงัดเบาะรถจักรยานยนต์ขโมยทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังลงพื้นที่ เพื่อดักซุ่มคนร้ายขณะลงมือก่อเหตุ กระทั่งพบผู้ต้องหากำลังก่อเหตุงัดเบาะจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม และควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพอ้างว่าก่อนเป็นโจรงัดแงะทรัพย์สินประชาชนที่มาออกกำลังกาย ตนเคยเป็นเซลส์ขายรถยนต์ แต่ตกงานจึงมาทำแบบนี้ เพื่อขโมยทรัพย์สิน โดยใช้วิธีการเอามือยกเบาะรถให้มีช่อง จากนั้นใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปหยิบทรัพย์สินเพื่อนำไปขายหาเงินมาใช้จ่าย โดยทำมาแล้ว 15 ครั้ง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับคดีลักทรัพย์ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน ส.ค. 2554 จำนวน 2 ครั้ง โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป