ผบช.น.ปฏิเสธกระแสข่าว ตร.จับตัว “ไอ้โก้” หัวหน้าแก๊งปล้นบ้านอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ยันชุดสืบสวนยังตามรอยอยู่ใน ส.ป.ป.ลาว
วันนี้ (4 ธ.ค.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัว นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ โก้ หัวหน้าแก๊งปล้นเงินจากบ้านพัก นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่หลบหนีไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(ส.ป.ป.ลาว)ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ซึ่งข้อมูลทางการสืบสวนที่ได้ นายวีระศักดิ์ ยังคงกบดานอยู่ในประเทศลาว และถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยไหนจับกุมตัวได้
“ข่าวที่ออกมาว่าตำรวจควบคุมตัวนายวีระศักดิ์ ได้แล้ว เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ยังคงจัดชุดติดตามแกะรอยนายโก้ อย่างใกล้ชิด ส่วนที่มีข่าวว่า นายวีระศักดิ์ไปอยู่กับผู้มีอิทธิพลในฝั่งประเทศลาวนั้น ก็เป็นเพียงกระแสข่าวเช่นเดียวกัน” ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า ส่วนที่ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ตั้งค่าหัวล่าตัวนายวีระศักดิ์ นั้นก็ทราบว่ามีประชาชนสนใจให้ข้อมูลมาจำนวนมากแต่จากการตรวจสอบก็ยังไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนติดตามตัวนายวีระศักดิ์ มาดำเนินคดีแต่อย่างใด ส่วนนายคำนวณ เมฆน้อย หรือนวณ มีเบาะแสแล้วแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ นามวงศ์ หรือเจี๊ยบ ยังไม่มีข่าวคาดว่าเก็บตัวเงียบทั้งที่ก่อนหน้านี้มีผู้ติดต่อจะขอพามาเข้ามอบตัว
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ด้าน พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. กล่าวความคืบหน้าของคดีหลังจากลงพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อติดตามตัว นายวีระศักดิ์ ว่า มีพยานเห็นว่านายวีระศักดิ์ เดินทางไปกับใคร แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเกรงว่าจะเสียรูปคดี แต่เชื่อว่ายังคงหลบหนีไป ส.ป.ป.ลาว
ส่วนความคืบหน้าคดี 2 คนร้ายบุกชิงทรัพย์ร้านห้างทองแสงทองสุก ย่านท่าดินแดง เมื่อวันที่ (2 ธ.ค.) พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด 2 จุด คือจุดแรกบริเวณสี่แยก และจุดที่สองใกล้บริเวณที่เกิดเหตุห่างจากร้านทองประมาณ 3 ก.ม. จึงได้มีการสุ่มตรวจทะเบียนรถไปใน จ.สมุทรปราการแล้วแต่พบว่ายังไม่ใช่รถของคนร้าย จากการตรวจสอบทองที่คนร้ายเอาไปจากร้าน ทั้งหมดมีน้ำหนัก 30 บาท ส่วนคนร้ายอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามคนร้ายแต่ยังไม่ทราบตัวเนื่องจากหลักฐานกล้องวงจรปิดภาพเห็นหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายแต่ไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป