2 ผู้ต้องหาแสบ แอบเปลี่ยนข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ รายการ “ราชรถมาเกย” ที่เปิดสายรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้ผู้มีจิตศรัทธาโอนเงินเข้าไปบัญชีตนเอง แล้วอ้างตัวเป็นทีมงานแทน สุดท้ายถูกกองปราบจับได้ รับสารภาพรวมรายการข่าวข้นคนข่าว รวมทั้งรายการทางช่องเคเบิลทีวี ไม่เว้นแม้แต่รายการของอาจารย์หนู กันภัย
วันนี้ (2 ธ.ค.) พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. แถลงการจับกุม นายรุ่งโรจน์ หมัดดีน หรือ ตุ้ง อายุ 31 ปี และ น.ส.มาริสา รัญจวนจิตร อายุ 25 ปี ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อยู่ที่ 1042/3 ถ.พะเนียด ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1837 และ1838 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำโดยมิชอบให้การทำงานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานตามปกติได้ พร้อมของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 6 อัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม โดยจับกุม นายรุ่งโรจน์ ได้ที่หน้าเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ต.นาพรุน อ.พระพรหม ส่วน น.ส.มาริสา จับกุมได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา นางวิชนี ศรีสวัสดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์ เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคนร้ายที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ 2 หมายเลขที่รายการราชรถมาเกยเปิดไว้เพื่อรับเงินบริจาคเข้าบัญชีธนาคารไปซื้อเรือเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
จากการสอบสวนทราบว่า หลังรายการราชรถมาเกยได้ออกอากาศไปแล้วทีมงาน พบว่า ไม่มีผู้ชมรายใดโทรเข้ามาร่วมบริจาคแม้แต่รายเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติจึงทดลองโทรศัพท์เข้าเบอร์ที่เปิดไว้ ปรากฏว่า ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายอ้างตัวเป็นทีมงานรายการ พร้อมทั้งให้ข้อมูลบัญชีธนาคารซึ่งไม่ใช่บัญชีธนาคารที่ทางรายการเปิดไว้ สร้างความเสียหายประมาณ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท จึงนำข้อมูลทั้งหมดมาแจ้งความ
หลังรับแจ้ง พล.ต.ต.สุพาศาล สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยะ และ พ.ต.ท.ธีรเดช พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พบว่า เบอร์โทรศัพท์ทั้งสองหมายเลขที่รายการเปิดไว้นั้นถูกคนร้ายเปลี่ยนแปลงให้เป็นการโอนสายไปยังหมายเลขที่คนร้ายใช้ ทำให้เมื่อมีประชาชนโทรศัพท์ไปยังเบอร์โทรที่รายการให้ไว้สายก็จะถูกโอนไปยังเบอร์มือถือคนร้าย จากนั้น คนร้ายก็จะสวมรอยเป็นทีมงานรายการให้รายละเอียดพร้อมบัญชีธนาคารที่คนร้ายเปิดรอไว้ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า นายรุ่งโรจน์ เป็นผู้เปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์ และอ้างตัวเป็นทีมงานหลอกประชาชน ส่วน น.ส.มาริสา นั้น มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร จึงนำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับศาลก่อนติดตามจับกุมตัวมาได้
นายรุ่งโรจน์ รับสารภาพ โดยอ้างว่า เพื่อนสาวชื่อโบ ซึ่งรู้จักกันในวงไพ่บ้านญาติใน จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้แนะนำวิธีการนี้ให้โดยติดต่อไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์อ้างตัวว่า เป็นทีมงานรายการราชรถมาเกยขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยแก้ไขระบบโดยขอให้โอนสายไปยังหมายเลขอื่นที่เตรียมไว้ โดยอ้างว่า โทรศัพท์ที่ใช้อยู่นั้นแบตเตอร์รี่หมด นอกจากรายการราชรถมาเกยแล้วยังมีรายการข่าวข้นคนข่าว รวมทั้งรายการทางช่องเคเบิ้ลทีวี ได้แก่ รายการอาจารย์หนู กันภัย รายการยาสมุนไพร ธาตุทอง รายการอาจารย์กฤษณะ และรายการวิทยุอีกหลายรายการ ที่ได้แก้ไขข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่เปิดรับบริจาค ส่วนบัญชีธนาคารที่เปิดนั้นเป็นชื่อของ น.ส.มาริสา ลูกพี่ลูกน้องที่ได้หลอกขอบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร อ้างว่า จะเปิดบัญชีเพื่อให้เพื่อนโอนเงินมาให้ ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อเหตุมานั้นรวมแล้วได้เงินมาประมาณ 8 หมื่นบาทเท่านั้น และได้นำเงินไปใช้จ่ายหมดแล้ว
ผบก.ป.กล่าวว่า นายรุ่งโรจน์ เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 4 คดี เมื่อปี 2551 ได้แก่ คดีฉ้อโกง ท้องที่ สน.บางซื่อ และ สน.บางชัน ส่วนอีก 2 คดีเป็นคดีปลอมและใช้เอกสารปลอมและฉ้อโกง ท้องที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งหมดเป็นคดีเกี่ยวกับการหลอกขายเบอร์โทรศัพท์มือถือหมายเลขสวย ซึ่งศาลลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน พ้นโทษมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 หลังจากพ้นโทษก็มาทำอาชีพขายไก่ กระทั่งมาก่อเหตุดังลก่าวขึ้นอีก
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำกล่าวอ้างขอผู้ต้องหาจึงต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งโดยเฉพาะกระแสเงินในบัญชีธนาคารที่เปิดไว้ ส่วนพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้น ทราบว่า มีประวัติก่อคดีฉ้อโกงมาหลายคดี และมีความสนใจในเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือจึงสันนิษฐานว่า น่าจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน หากผู้ใดคาดว่าได้รับความเสียหายจากผู้ต้องหารายนี้ก็สามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ กก.1 บก.ป.
ทั้งนี้ ผบก.ป.ยังฝากยังไปทุกภาคส่วนที่เปิดศูนย์รับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยวิธีการแจ้งเบอร์โทรศัพท์ให้ระมัดระวังและหมั่นตรวจสอบหมายเลขว่าใช้การได้เป็นปกติหรือไม่ ส่วนผู้ให้บริการโทรศัพท์ก็ควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผู้ติดต่อ หรือลูกค้าให้แน่ชัดก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงระบบข้อมูลใดๆ
วันนี้ (2 ธ.ค.) พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. แถลงการจับกุม นายรุ่งโรจน์ หมัดดีน หรือ ตุ้ง อายุ 31 ปี และ น.ส.มาริสา รัญจวนจิตร อายุ 25 ปี ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อยู่ที่ 1042/3 ถ.พะเนียด ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1837 และ1838 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำโดยมิชอบให้การทำงานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานตามปกติได้ พร้อมของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 6 อัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม โดยจับกุม นายรุ่งโรจน์ ได้ที่หน้าเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ต.นาพรุน อ.พระพรหม ส่วน น.ส.มาริสา จับกุมได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา นางวิชนี ศรีสวัสดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์ เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคนร้ายที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ 2 หมายเลขที่รายการราชรถมาเกยเปิดไว้เพื่อรับเงินบริจาคเข้าบัญชีธนาคารไปซื้อเรือเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
จากการสอบสวนทราบว่า หลังรายการราชรถมาเกยได้ออกอากาศไปแล้วทีมงาน พบว่า ไม่มีผู้ชมรายใดโทรเข้ามาร่วมบริจาคแม้แต่รายเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติจึงทดลองโทรศัพท์เข้าเบอร์ที่เปิดไว้ ปรากฏว่า ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายอ้างตัวเป็นทีมงานรายการ พร้อมทั้งให้ข้อมูลบัญชีธนาคารซึ่งไม่ใช่บัญชีธนาคารที่ทางรายการเปิดไว้ สร้างความเสียหายประมาณ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท จึงนำข้อมูลทั้งหมดมาแจ้งความ
หลังรับแจ้ง พล.ต.ต.สุพาศาล สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยะ และ พ.ต.ท.ธีรเดช พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พบว่า เบอร์โทรศัพท์ทั้งสองหมายเลขที่รายการเปิดไว้นั้นถูกคนร้ายเปลี่ยนแปลงให้เป็นการโอนสายไปยังหมายเลขที่คนร้ายใช้ ทำให้เมื่อมีประชาชนโทรศัพท์ไปยังเบอร์โทรที่รายการให้ไว้สายก็จะถูกโอนไปยังเบอร์มือถือคนร้าย จากนั้น คนร้ายก็จะสวมรอยเป็นทีมงานรายการให้รายละเอียดพร้อมบัญชีธนาคารที่คนร้ายเปิดรอไว้ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า นายรุ่งโรจน์ เป็นผู้เปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์ และอ้างตัวเป็นทีมงานหลอกประชาชน ส่วน น.ส.มาริสา นั้น มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร จึงนำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับศาลก่อนติดตามจับกุมตัวมาได้
นายรุ่งโรจน์ รับสารภาพ โดยอ้างว่า เพื่อนสาวชื่อโบ ซึ่งรู้จักกันในวงไพ่บ้านญาติใน จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้แนะนำวิธีการนี้ให้โดยติดต่อไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์อ้างตัวว่า เป็นทีมงานรายการราชรถมาเกยขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยแก้ไขระบบโดยขอให้โอนสายไปยังหมายเลขอื่นที่เตรียมไว้ โดยอ้างว่า โทรศัพท์ที่ใช้อยู่นั้นแบตเตอร์รี่หมด นอกจากรายการราชรถมาเกยแล้วยังมีรายการข่าวข้นคนข่าว รวมทั้งรายการทางช่องเคเบิ้ลทีวี ได้แก่ รายการอาจารย์หนู กันภัย รายการยาสมุนไพร ธาตุทอง รายการอาจารย์กฤษณะ และรายการวิทยุอีกหลายรายการ ที่ได้แก้ไขข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่เปิดรับบริจาค ส่วนบัญชีธนาคารที่เปิดนั้นเป็นชื่อของ น.ส.มาริสา ลูกพี่ลูกน้องที่ได้หลอกขอบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร อ้างว่า จะเปิดบัญชีเพื่อให้เพื่อนโอนเงินมาให้ ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อเหตุมานั้นรวมแล้วได้เงินมาประมาณ 8 หมื่นบาทเท่านั้น และได้นำเงินไปใช้จ่ายหมดแล้ว
ผบก.ป.กล่าวว่า นายรุ่งโรจน์ เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 4 คดี เมื่อปี 2551 ได้แก่ คดีฉ้อโกง ท้องที่ สน.บางซื่อ และ สน.บางชัน ส่วนอีก 2 คดีเป็นคดีปลอมและใช้เอกสารปลอมและฉ้อโกง ท้องที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งหมดเป็นคดีเกี่ยวกับการหลอกขายเบอร์โทรศัพท์มือถือหมายเลขสวย ซึ่งศาลลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน พ้นโทษมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 หลังจากพ้นโทษก็มาทำอาชีพขายไก่ กระทั่งมาก่อเหตุดังลก่าวขึ้นอีก
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำกล่าวอ้างขอผู้ต้องหาจึงต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งโดยเฉพาะกระแสเงินในบัญชีธนาคารที่เปิดไว้ ส่วนพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้น ทราบว่า มีประวัติก่อคดีฉ้อโกงมาหลายคดี และมีความสนใจในเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือจึงสันนิษฐานว่า น่าจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน หากผู้ใดคาดว่าได้รับความเสียหายจากผู้ต้องหารายนี้ก็สามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ กก.1 บก.ป.
ทั้งนี้ ผบก.ป.ยังฝากยังไปทุกภาคส่วนที่เปิดศูนย์รับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยวิธีการแจ้งเบอร์โทรศัพท์ให้ระมัดระวังและหมั่นตรวจสอบหมายเลขว่าใช้การได้เป็นปกติหรือไม่ ส่วนผู้ให้บริการโทรศัพท์ก็ควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผู้ติดต่อ หรือลูกค้าให้แน่ชัดก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงระบบข้อมูลใดๆ