อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ ถกร่วมตัวแทนชุมชนเพื่อหาแนวทางช่วยเยียวยา-ลดความขัดแย้งผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่าย ก่อนสรุปเป็นแผนช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายพิทยา จินาวัฒน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธานประชุมเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อลดความขัดแย้งของชุมชนที่ประสบปัญหาอุทกภัย โดยมีตัวแทนชุมชนแจ้งวัฒนะ 14, ชุมชนเขตสะพานสูง, ชุมชนเขตดอนเมือง, ชุมชนบางบอน, ชุมชนหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ จ.ปทุมธานี ชาวบ้านจ.นนทบุรี และตัวแทนหน่วยงาน กทม.และภาครัฐ ประมาณ 50 คนเข้าร่วมประชุม
นายพิทยา กล่าวว่า การประชุมเพื่อต้องการแก้ไขความขัดแย้งของประชาชนด้วยกันเอง และประชาชนขัดแย้งกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งต้องหาความสมดุลระหว่างประโยชน์สาธารณะ กับสิทธิของประชาชน โดยขณะนี้หลังจากน้ำท่วม ซึ่งเกิดการถกเถียงกันในเรื่องดังกล่าวอย่างมาก โดยมีการฟ้องร้องศาลปกครองของผู้ประสบภัยน้ำท่วม จึงต้องเชิญผู้ประสบภัย ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ตัวแทนจากสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ปัญหาในอนาคต หากแก้ปัญหาด้วยกฎหมายไม่ได้ อาจแก้ปัญหาด้วยหลักรัฐศาสตร์ เช่น ชุมชนที่เป็นพื้นที่รองรับน้ำท่วมเป็นเวลานาน อาจจะต้องได้รับการดูแลจากรัฐเป็นพิเศษ ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุปกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะนำเสนอรัฐบาลในการพิจารณาให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่รองรับน้ำเป็นกรณีพิเศษ ส่วนประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ จะได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน ทั้งนี้คงต้องรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่าย ก่อนสรุปเป็นแผนช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ชาวบ้านต้องการให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน เนื่องจากทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน ซึ่งชาวบ้านได้รับความเดือนร้อนหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และ กทม.ซึ่งเห็นว่าการช่วยเหลือครอบครัวละ 5,000 บาท อาจจะไม่เพียงพอ จึงต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า สำหรับปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับภาครัฐ เช่น การพังประตูระบายน้ำ รื้อกระสอบทราย คันกั้นน้ำ หรือ บิ๊กแบ็ก นั้น เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการให้ข้อมูลของรัฐบาลไม่ถูกต้องสับสน และการแก้ปัญหาของรัฐบาลล่าช้า เจ้าหน้าที่รัฐไม่รับฟังประชาชน ไม่ให้ชาวบ้านในชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งทำให้หลายพื้นที่มีการแก้ไขปัญหาอย่างไม่ถูกวิธี จนปัญหาน้ำท่วมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
ทางด้าน นายจรูญ มีธนาถาวร ผอ.สำนักพัฒนาสังคม กทม.กล่าวว่า เบื้องต้นภาครัฐจะให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพครอบครัวละ 5,000 บาท สำหรับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และอยู่ในพื้นที่ซึ่งประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ส่วนความช่วยเหลือเรื่องทรัพย์สินเสียหายนั้น คาดว่า ทางรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้อีกหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต้องให้เข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและข้อกฎหมายด้วย ทั้งนี้ ยินดีที่จะรับฟังปัญหาของชาวบ้านเพื่อจะได้นำไปแก้ไขต่อไป
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายพิทยา จินาวัฒน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธานประชุมเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อลดความขัดแย้งของชุมชนที่ประสบปัญหาอุทกภัย โดยมีตัวแทนชุมชนแจ้งวัฒนะ 14, ชุมชนเขตสะพานสูง, ชุมชนเขตดอนเมือง, ชุมชนบางบอน, ชุมชนหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ จ.ปทุมธานี ชาวบ้านจ.นนทบุรี และตัวแทนหน่วยงาน กทม.และภาครัฐ ประมาณ 50 คนเข้าร่วมประชุม
นายพิทยา กล่าวว่า การประชุมเพื่อต้องการแก้ไขความขัดแย้งของประชาชนด้วยกันเอง และประชาชนขัดแย้งกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งต้องหาความสมดุลระหว่างประโยชน์สาธารณะ กับสิทธิของประชาชน โดยขณะนี้หลังจากน้ำท่วม ซึ่งเกิดการถกเถียงกันในเรื่องดังกล่าวอย่างมาก โดยมีการฟ้องร้องศาลปกครองของผู้ประสบภัยน้ำท่วม จึงต้องเชิญผู้ประสบภัย ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ตัวแทนจากสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ปัญหาในอนาคต หากแก้ปัญหาด้วยกฎหมายไม่ได้ อาจแก้ปัญหาด้วยหลักรัฐศาสตร์ เช่น ชุมชนที่เป็นพื้นที่รองรับน้ำท่วมเป็นเวลานาน อาจจะต้องได้รับการดูแลจากรัฐเป็นพิเศษ ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุปกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะนำเสนอรัฐบาลในการพิจารณาให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่รองรับน้ำเป็นกรณีพิเศษ ส่วนประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ จะได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน ทั้งนี้คงต้องรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่าย ก่อนสรุปเป็นแผนช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ชาวบ้านต้องการให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน เนื่องจากทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน ซึ่งชาวบ้านได้รับความเดือนร้อนหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และ กทม.ซึ่งเห็นว่าการช่วยเหลือครอบครัวละ 5,000 บาท อาจจะไม่เพียงพอ จึงต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า สำหรับปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับภาครัฐ เช่น การพังประตูระบายน้ำ รื้อกระสอบทราย คันกั้นน้ำ หรือ บิ๊กแบ็ก นั้น เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการให้ข้อมูลของรัฐบาลไม่ถูกต้องสับสน และการแก้ปัญหาของรัฐบาลล่าช้า เจ้าหน้าที่รัฐไม่รับฟังประชาชน ไม่ให้ชาวบ้านในชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งทำให้หลายพื้นที่มีการแก้ไขปัญหาอย่างไม่ถูกวิธี จนปัญหาน้ำท่วมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
ทางด้าน นายจรูญ มีธนาถาวร ผอ.สำนักพัฒนาสังคม กทม.กล่าวว่า เบื้องต้นภาครัฐจะให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพครอบครัวละ 5,000 บาท สำหรับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และอยู่ในพื้นที่ซึ่งประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ส่วนความช่วยเหลือเรื่องทรัพย์สินเสียหายนั้น คาดว่า ทางรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้อีกหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต้องให้เข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและข้อกฎหมายด้วย ทั้งนี้ ยินดีที่จะรับฟังปัญหาของชาวบ้านเพื่อจะได้นำไปแก้ไขต่อไป
