“เหลิม” นั่งหัวโต๊ะ ถกลดอาชญากรรม-เปิดการจราจรหลังน้ำลด!

“เหลิม” ถกหน่วยงาน กรจ.แก้ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยและการจราจรหลังน้ำลด เน้นซ่อมแซมฟื้นฟูถนนเพื่อเปิดเส้นทางจราจร อีกทั้งเจรจาลดความขัดแย้งระหว่างผู้ประสบภัย พร้อมร้องของบประมาณเพิ่ม อ้างเพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ

วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 13.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย ปลอดภัย และการจราจร (กรจ.) ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โดยมี 2 หน่วยงานใหม่ร่วมเข้าประชุมในครั้งนี้ คือ สำนักงานงบประมาณ และ กทม. ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวในที่ประชุมว่า ทาง กรจ.ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่หลังสถานการณ์น้ำลด เพราะเกรงว่า ปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ในช่วงนั้นจะเพิ่มมากขึ้น หน้าที่หลักของ กรจ.คือ ต้องทำให้ปัญหาอาชญากรรมลดน้อยลงมากที่สุด โดยเรื่องของการข่าวถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากบางเรื่องต้องมีการวางแผนดำเนินการไว้ก่อน ผลที่ออกมาจึงจะเกิดประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการจราจร จะต้องมีการประสานงานให้ตำรวจจราจรและกรมทางหลวงดูแลเป็นหลัก

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า การให้ กรจ.ทำงานเพื่อแก้ปัญหาต่างๆนั้น ต้องพึ่งเงินงบประมาณเป็นหลัก แต่ขณะนี้พบว่างบประมาณที่ สตช.ได้มาถือว่าลดลงจากปีที่แล้ว และอาจจะไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เพราะการดูแลความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นทางทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ไม่ควรจะไปปรับลดงบประมาณลงจึงขอเรียนไปยัง ผอ.สำนักงานงบประมาณ ให้พิจารณาปรับเพิ่มงบประมาณปี 2555 ให้ สตช.เพิ่มขึ้นกว่าเดิม

พล.ต.ต.ปิยะ โฆษก ศภจ.ตร.เปิดเผยหลังการประชุมว่า ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การจราจร โดยมีสำนักงบประมาณให้ความยินดีในการสนับสนุน ซึ่งแนวทางมี 3 ส่วน คือ 1.การรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นการบูรณการกำลังระหว่าง สตช. กระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และกระทรวงยุติธรรม โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าชุด เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านที่เดือดร้อน ลดความขัดแย้งที่อาจจะมีความไม่พอใจเกิดขึ้นบางพื้นที่ โดยเข้าไปเจรจาหาทางออกให้แก่ทุกฝ่าย

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า 2.การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประกอบด้วย สตช. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม มี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบ เน้นการปฏิบัติงานเชิงรุกในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฏตัวมากขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของประชาน ซึ่งมีคณะ กต.ตร.ทุกระดับร่วมทำงานสามารถดึงศักยภาพออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ 3.ด้านการจราจร ประกอบด้วย สตช. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม มี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นผู้รับผิดชอบ เน้นการทำงานเพื่อให้สามารถเปิดการจราจรได้มากที่สุด เร่งฟื้นฟูซ่อมแซมถนนที่เสียหาย เร่งคืนพื้นผิวจราจร โดยวางแผนระบบการจราจรทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด