รวบหนุ่มแสบขโมยเรืออีแปะ เจ้าของขับเรือสวนทางมาเจอจังหวะกำลังร่องหลบหนี แจ้งตำรวจตรวจการตามตะครุบตัวทันควัน ขณะที่ผู้ต้องหาอ้างไม่คิดจะลักเรือ แค่ขอยืมไปขนของหนีน้ำเท่านั้น ส่วนปัญหารื้อบิ๊กแบ็ก ตำรวจเน้นเจรจาใช้หลักรัฐศาสตร์นำนิติศาสตร์ เชื่อคนไทยพูดคุยกันด้วยเหตุผล พร้อมจัดกำลัง 100 นายเฝ้าระวัง
วันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รักษาราชการแทน ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. แถลงจับกุม นายพุธ อินทร์หนู อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาคดีลักเรืออีแปะในบริเวณที่เกิดอุทกภัย อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.13 แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. พร้อมของกลางเรืออีแปะขนาด 10 ศอก ทำด้วยไม้สักทอง จำนวน 1 ลำ ราคาประมาณ 20,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ขณะขับเรือสวนทางออกไป และเจ้าของเรือเห็น จึงแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมไว้ทัน โดยผู้ต้องหารายนี้เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน
พล.ต.ต.วินัยเปิดเผยว่า จากการสั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.สุเมธ สอดสี พ.ต.ท.สุขสันต์ อุปพระจันทร์ สวป.สน.ตลิ่งชัน ด.ต.ประกอบ ตรีเสียน ผบ.หมู่ สน.ตลิ่งชัน ลงพื้นที่สายตรวจทางเรือตรวจตราป้องกันอาชญากรรมและทรัพย์สินของประชาชน ได้ร่วมกันจับกุม เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 04.00 น. ผู้ต้องหาได้เข้าไปในบ้านของนางปราณี แอบเนียม อายุ 60 ปี อาชีพ พนักงาน กทม. อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.11 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมต้องใช้เรือสัญจรเท่านั้น นายพุธได้ปลดเชือกที่ผูกเรือแล้วทำการล่องเรือหลบหนีไปตามคลองบางระมาด ระหว่างนั้นสามีผู้เสียหายร่องเรือสวนทางมาจำเรือของตนเองได้ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่องเรือออกตรวจป้องกันภัยอาชญากรรมในบริเวณใกล้เคียงติดตามจับกุมคนร้ายได้ทันพร้อมของกลาง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยอ้างว่าไม่คิดที่จะไปขโมยเรือ แต่แค่ขอยืมไปใช้ขนของเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนในบริเวณที่เกิดอุทกภัย หรือรับของโจรและส่งตัวดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ต.วินัยกล่าวถึงกรณีที่มีการรื้อบิ๊กแบ็กในบางจุดนั้น ในวันนี้ทาง กทม.ก็ได้ลงพื้นที่ไปซ่อมแซมแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลัง 100 นายไปคอยดูแลบริเวณรอบๆ เพื่อป้องกันเหตุขัดแย้งรื้อบิ๊กแบ็ก ส่วนคลองสามวา ประตูระบายน้ำแสนแสบ และบางพลัดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดการโดยมีการพูดคุยกับผู้อำนวยการเขต กทม. สำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานให้ตรงกัน
“หาก กทม.มีคำสั่งมาแน่นอนชัดเจน ทางตำรวจก็จะดำเนินทันที โดยการรีบอุดในส่วนที่รั่ว เพราะถ้ารั่วจะเป็นผลต่อกรุงเทพฯ ชั้นใน อีกทั้ง ผบ.ตร.ได้เน้นให้ใช้หลักรัฐศาสตร์นำหลักนิติศาสตร์มาใช้เน้นการเจรจา โดยเชื่อว่าคนไทยรักกันสามารถคุยกันด้วยเหตุและผลได้ และสามารถเข้าใจได้ดีถ้ามีการพูดคุยกันก่อน” พล.ต.ต.วินัยกล่าว
วันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รักษาราชการแทน ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. แถลงจับกุม นายพุธ อินทร์หนู อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาคดีลักเรืออีแปะในบริเวณที่เกิดอุทกภัย อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.13 แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. พร้อมของกลางเรืออีแปะขนาด 10 ศอก ทำด้วยไม้สักทอง จำนวน 1 ลำ ราคาประมาณ 20,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ขณะขับเรือสวนทางออกไป และเจ้าของเรือเห็น จึงแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมไว้ทัน โดยผู้ต้องหารายนี้เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน
พล.ต.ต.วินัยเปิดเผยว่า จากการสั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.สุเมธ สอดสี พ.ต.ท.สุขสันต์ อุปพระจันทร์ สวป.สน.ตลิ่งชัน ด.ต.ประกอบ ตรีเสียน ผบ.หมู่ สน.ตลิ่งชัน ลงพื้นที่สายตรวจทางเรือตรวจตราป้องกันอาชญากรรมและทรัพย์สินของประชาชน ได้ร่วมกันจับกุม เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 04.00 น. ผู้ต้องหาได้เข้าไปในบ้านของนางปราณี แอบเนียม อายุ 60 ปี อาชีพ พนักงาน กทม. อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.11 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมต้องใช้เรือสัญจรเท่านั้น นายพุธได้ปลดเชือกที่ผูกเรือแล้วทำการล่องเรือหลบหนีไปตามคลองบางระมาด ระหว่างนั้นสามีผู้เสียหายร่องเรือสวนทางมาจำเรือของตนเองได้ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่องเรือออกตรวจป้องกันภัยอาชญากรรมในบริเวณใกล้เคียงติดตามจับกุมคนร้ายได้ทันพร้อมของกลาง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยอ้างว่าไม่คิดที่จะไปขโมยเรือ แต่แค่ขอยืมไปใช้ขนของเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนในบริเวณที่เกิดอุทกภัย หรือรับของโจรและส่งตัวดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ต.วินัยกล่าวถึงกรณีที่มีการรื้อบิ๊กแบ็กในบางจุดนั้น ในวันนี้ทาง กทม.ก็ได้ลงพื้นที่ไปซ่อมแซมแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลัง 100 นายไปคอยดูแลบริเวณรอบๆ เพื่อป้องกันเหตุขัดแย้งรื้อบิ๊กแบ็ก ส่วนคลองสามวา ประตูระบายน้ำแสนแสบ และบางพลัดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดการโดยมีการพูดคุยกับผู้อำนวยการเขต กทม. สำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานให้ตรงกัน
“หาก กทม.มีคำสั่งมาแน่นอนชัดเจน ทางตำรวจก็จะดำเนินทันที โดยการรีบอุดในส่วนที่รั่ว เพราะถ้ารั่วจะเป็นผลต่อกรุงเทพฯ ชั้นใน อีกทั้ง ผบ.ตร.ได้เน้นให้ใช้หลักรัฐศาสตร์นำหลักนิติศาสตร์มาใช้เน้นการเจรจา โดยเชื่อว่าคนไทยรักกันสามารถคุยกันด้วยเหตุและผลได้ และสามารถเข้าใจได้ดีถ้ามีการพูดคุยกันก่อน” พล.ต.ต.วินัยกล่าว
