จำคุก 17 ปี 2 เดือน อดีตเสี่ยปั๊มน้ำมัน ตกอับควง .38 จี้ถุงเงินแบงก์กสิกรไทย 2.7 ล้าน ขณะพนักงานเตรียมใส่ตู้เอทีเอ็ม ห้างเมจอร์รัชโยธิน ศาลปรานีลดโทษคุกเหลือ 12 ปี 2 เดือน
วันนี้ (21 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.745/54 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพีรศิลป์ อัศววิภาส อายุ 41 ปี อดีตเสี่ยเจ้าของปั๊มน้ำมันที่ จ.สระแก้ว เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธและยานพาหนะ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย.53 เวลาประมาณ 10.30 น.ขณะที่ นายนิรันดร แสงสวัสดิ์ และ นายศุภชัย โกศิริ พนักงานบริษัท โพรเกรส จำกัด นำถุงเงินนิรภัยบรรจุเงิน จำนวน 2.7 ล้านบาท เพื่อเตรียมบรรจุใส่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย ที่ห้างเมเจอร์รัชโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.จำเลยได้ใช้อาวุธปืน ขนาด .38 จี้บังคับให้ทั้งสองคนหมอบลงแล้วยกถุงบรรจุเงินขึ้นรถ จยย.เตรียมหลบหนี แต่ นายนิรันดร บอกให้พนักงานขับรถที่ขนเงินมาพุ่งเข้าชนจนทับรถ จยย.จำเลยจึงคว้าถุงเงินวิ่งหนีและใช้ปืนจี้บังคับ จยย.รับจ้างให้ไปส่งใน ซ.รัชดาภิเษก 32 (อาภาภิรมย์) ตรงข้ามศาลอาญา หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน จับกุมจำเลยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ชั้นสอบสวนจำเลยให้การภาคเสธ โดยรับว่าชิงทรัพย์จริง แต่ใช้อาวุธปืนปลอม
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีพนักงานขนถุงเงินนิรภัย ซึ่งเป็นประจักษ์พยานเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงทำนองเดียวกันตั้งแต่แรก ทั้งขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันพยานย่อมเห็นพฤติการณ์ของจำเลยอย่างชัดเจน ที่จำเลยอ้างว่าใช้อาวุธปืนปลอมใช้กระทำความผิดนั้นเป็นข้ออ้างลอยๆ เชื่อว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 310 วรรคแรก, 339 วรรคสองประกอบมาตรา 340, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ให้ลงโทษทุกกรรม
พิพากษาฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธฯ จำคุก 15 ปี, ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้เกิดความกลัวและหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุก 1 ปี, ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 8 เดือน และฐานพกพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 17 ปี 2 เดือน ชั้นนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 เฉพาะข้อหาชิงทรัพย์ฯ เหลือจำคุก 10 ปี คงจำคุกจำเลยไว้ทั้งหมด 12 ปี 2 เดือน