ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต โจ๋วัย 19 รุมโทรมหญิง ในโรงเจศาลเจ้า ส่วนอีกคนให้ยกฟ้อง
วันนี้ (14 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดทางเพศ อ.4082/54 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบวรวิช พิบูลย์แสงรุ้ง และนายภานุพล ศรีโพธิ์ทอง ทั้งสองอายุ 19 ปี ชาว กทม. เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง,หน่วงเหนี่ยวกักขัง, บุกรุก, พ.ร.บ.อาวุธปืน และอื่นๆ ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 54 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.53 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นเยาวชนและถูกแยกดำเนินคดี ได้ร่วมกันมีอาวุธปืนสั้น 1 กระบอกไม่ทราบขนาด และมีดปลายแหลม 1 เล่ม แล้วบุกเข้าไปในห้องพักเลขที่ 102 สตาร์เพลส อพาร์ตเม้นต์ แขวงและเขตดินแดง ของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 1 และ ด.ญ.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 14 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 2 เพื่อถามเบาะแสถึงรถ จยย.ของ น.ส.เอ (นามสมมติ) เยาวชนที่ร่วมกระทำผิดที่หายไป แต่ผู้เสียหายไม่ทราบ จำเลยกับพวกจึงใช้ปืนขู่บังคับให้ผู้เสียหายทั้งสองขึ้นรถ จยย.ไปตามหารถของจำเลย แต่ไม่พบ จึงพาไปที่โรงเจแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ เพื่อเค้นหาความจริง แต่ผู้เสียหายทั้งสองคงยืนยันว่าไม่ทราบ ระหว่างนั้นจำเลยที่ 2 กับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ จนสำเร็จความใคร่แล้วพากันหลบหนีไป
ต่อมาวันที่ 28 ต.ค.54 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมจำเลยกับพวกได้ ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ โดยจำเลยที่ 2 อ้างสถานที่อยู่ว่าคืนเกิดเหตุกำลังทำงาน ไม่มีส่วนรู้เห็น
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้วรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ฝ่ายโจทก์มี ด.ญ.ฝ้าย ผู้เสียหายที่ 2 เป็นประจักษ์พยาน เบิกความยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปตามจริง ตรงไปตรงมา ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับโทษ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นข้ออ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ เชื่อว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง นอกจากนี้ยังรับฟังได้อีกว่า น.ส.เอ ผู้เสียหายได้ขอร้องให้จำเลยที่ 1 พาไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง
พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 277 วรรคสาม, 309 วรรคสอง, 310 วรรคหนึ่ง ฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1ให้ยกฟ้อง
วันนี้ (14 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดทางเพศ อ.4082/54 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบวรวิช พิบูลย์แสงรุ้ง และนายภานุพล ศรีโพธิ์ทอง ทั้งสองอายุ 19 ปี ชาว กทม. เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง,หน่วงเหนี่ยวกักขัง, บุกรุก, พ.ร.บ.อาวุธปืน และอื่นๆ ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 54 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.53 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นเยาวชนและถูกแยกดำเนินคดี ได้ร่วมกันมีอาวุธปืนสั้น 1 กระบอกไม่ทราบขนาด และมีดปลายแหลม 1 เล่ม แล้วบุกเข้าไปในห้องพักเลขที่ 102 สตาร์เพลส อพาร์ตเม้นต์ แขวงและเขตดินแดง ของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 1 และ ด.ญ.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 14 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 2 เพื่อถามเบาะแสถึงรถ จยย.ของ น.ส.เอ (นามสมมติ) เยาวชนที่ร่วมกระทำผิดที่หายไป แต่ผู้เสียหายไม่ทราบ จำเลยกับพวกจึงใช้ปืนขู่บังคับให้ผู้เสียหายทั้งสองขึ้นรถ จยย.ไปตามหารถของจำเลย แต่ไม่พบ จึงพาไปที่โรงเจแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ เพื่อเค้นหาความจริง แต่ผู้เสียหายทั้งสองคงยืนยันว่าไม่ทราบ ระหว่างนั้นจำเลยที่ 2 กับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ จนสำเร็จความใคร่แล้วพากันหลบหนีไป
ต่อมาวันที่ 28 ต.ค.54 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมจำเลยกับพวกได้ ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ โดยจำเลยที่ 2 อ้างสถานที่อยู่ว่าคืนเกิดเหตุกำลังทำงาน ไม่มีส่วนรู้เห็น
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้วรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ฝ่ายโจทก์มี ด.ญ.ฝ้าย ผู้เสียหายที่ 2 เป็นประจักษ์พยาน เบิกความยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปตามจริง ตรงไปตรงมา ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับโทษ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นข้ออ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ เชื่อว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง นอกจากนี้ยังรับฟังได้อีกว่า น.ส.เอ ผู้เสียหายได้ขอร้องให้จำเลยที่ 1 พาไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง
พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 277 วรรคสาม, 309 วรรคสอง, 310 วรรคหนึ่ง ฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1ให้ยกฟ้อง
