จับสายตำรวจหลอกเหยื่อแฟนสาวผู้ต้องขังไปข่มขืน ใช้ปืนขู่บังคับให้เสพยาและกักขังหน่วงเหนี่ยวจนเหยื่อ 2 สาวทนไม่ไหวหนีออกมาพึ่งญาติ และพาเข้าร้องกับมูลนิธิปวีณา ซึ่งประสานตำรวจไปจับกุมตัวมาได้
วันนี้ (15 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พร้อมด้วยนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ร่วมแถลงผลการจับกุม นายงยุทธ หรืออี๊ด สินชัย อายุ 40 ปี อาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ย่านประตูน้ำ สามารถจับกุมได้ที่บ้านพักในซอยน้อมจิตต์ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาากนางขวัญได้พา น.ส.ก้อย (นามสมมติ) บุตรสาว อายุ 19 ปี และน.ส.เก๋ (นามสมมติ) หลานสาว อายุ 15 ปี เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือผ่านทางมูลนิธิปวีณาฯ ว่าได้ถูกนายยงยุทธที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สน.พญาไท โดย น.ส.ก้อยเล่าว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาได้ไปเยี่ยมแฟนที่ สน.พญาไท ซึ่งถูกจับในข้อหาเสพยา และได้พบกับนายอี๊ดซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สน.ดังกล่าว โดยได้เข้ามาทำเป็นตีสนิทและขอเบอร์โทรศัพท์ไป อ้างว่าจะช่วยแฟนให้ออกจากห้องขัง ภายหลังต่อมานายอี๊ดได้โทรศัพท์มาหาบอกว่าจะพาไปเยี่ยมแฟน และจะช่วยแฟนออกจากห้องขัง โดยให้ออกมายืนรอหน้าปากซอยบ้าน
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวว่า น.ส.ก้อยเชื่อใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือจริง จึงได้ออกมาพบตามจุดนัดหมาย แต่นายอี๊ดกลับพาไปข่มขืนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรางน้ำ พร้อมกับใช้ปืนบังคับข่มขู่ให้เสพยา และห้ามไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร ถ้าหากนำไปบอกครอบครัวจะเดือดร้อน จึงทำให้ น.ส.ก้อยรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าเล่าเรื่องให้ใครฟัง
นายอี๊ดยังคงทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว น.ส.ก้อย และน.ส.เก๋ไว้ที่บ้าน ไม่ให้ติดต่อกับใครและใช้ปืนข่มขู่ตลอดเวลา หากไม่ยอมก็จะถูกฆ่า จนกระทั่ง น.ส.ก้อย และน.ส.เก๋ ทนไม่ไหว วิ่งหนีออกมาจากบ้านพักนายอี๊ดได้และนำเรื่องไปเล่าให้นางขวัญฟัง เมื่อนายอี๊ดรู้จึงทำการข่มขู่นางวัญอีกว่า หากไม่ยอมพาเด็กทั้งสองมาพบ จะนำยาบ้ามายัด นางขวัญเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้ตัดสินใจพาบุตรสาวมาร้องทุกข์ต่อนางปวีณาเพื่อขอความช่วยเหลือ
ผบก.น.1 กล่าวต่อว่า ต่อมาภายหลัง ตำรวจ บก.น.1 ได้รับการประสานจากนางปวีณา โดยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกับผู้เสียหาย และได้เรียกให้ผู้เสียหายเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลและสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ รวมทั้งส่งตัวไปตรวจร่างกาย โดยภายหลังทราบว่านายอี๊ดไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด แต่ตำรวจใช้ให้เป็นสายเท่านั้น
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับนายอี๊ด ในข้อหาพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองเพื่อกระทำการอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญ พร้อมนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป