ตำรวจปากเกร็ด ตามรวบแท็กซี่หื่น ใช้มีดจี้สาวนอร์เวย์ พยายามจะข่มขืน แต่สาวเจ้าดิ้นหลุดหนีออกนอกรถได้ จึงได้เพียงทรัพย์สินไป สารภาพวันก่อเหตุเสพยาบ้า เห็นเหยื่อหน้าตาดีเกิดอารมณ์จึงคิดจะชำเรา
วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ สภ.ปากเกร็ด พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.อภิชาติ เรือนทิพย์ รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.โสวัชร์ ไชยสงคราม รอง.ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ต.วิทิต จันทร์เอี่ยม สว.สส.สภ.ปากเกร็ด แถลงการจับกุม นายชอุ้ม หรือ ดุ่ย ธงชัย อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.2 ต.บ่อน้ำ อ.ขาณุลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ในข้อหาพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยมีและใช้อาวุธ ลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2554 เวลา 02.00 น.นางอริส (นามสมมติ) ชาวนอร์เวย์ อายุ 38 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ว่า ถูกคนร้ายซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่พยายามข่มขืนกระทำชำเรา และจี้ชิงทรัพย์ไป โดย นางอริส เล่าว่า หลังจากตนได้ออกจากร้านอาหารบริเวณปากซอยสุขุมวิท 23 เขตกรุงเทพฯ และได้เรียกรถแท็กซี่สีชมพู จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ นั่งโดยสารมาตามลำพัง เพื่อกลับบ้านพักตามปกติ โดยเมื่อมาถึงบริเวณ ถ.ประเสริฐอิสลาม อ.ปากเกร็ด ซึ่งห่างจากบ้านพักของตนเองไม่ถึง 100 เมตร คนขับรถแท็กซี่ดังกล่าวได้จอดรถก่อนชักอาวุธมีดพกออกมาจี้ที่คอตน ซึ่งนั่งอยู่เบาะผู้โดยสารด้านหลัง ก่อนจะพยายามใช้กำลังข่มขืน ซึ่งด้วยความตกใจตนจึงพยายามต่อสู้ขัดขืนกับคนร้ายจนสามารถเปิดประตูรถวิ่งหลบหนีออกมาได้ โดยที่คนร้ายพยายามจะกระชากตนกลับเข้าไปในรถอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ทำให้คนร้ายได้เพียงกระเป๋าสะพายของตนที่มีเงินสดอยู่ 1 หมื่นบาท สร้อยคอจี้เพชร 1 เส้น ราคาประมาณ 5 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง หลังหลบหนีออกมาได้ ตนได้ติดต่อไปยังสถานทูตนอร์เวย์ เพื่อให้ช่วยเหลือและพาเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม หลังทราบเรื่อง พล.ต.ต.สุรชัย จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เร่งทำการติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศชาติและเป็นภัยต่อสังคม ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหาย ทราบว่าคนร้ายได้ใช้งานโทรศัพท์ในเขตพื้นที่พระโขนง กทม.และผู้เสียหายยังสามารถจำตุ๊กตาช้างสีชมพูเขียนว่า ไทยแลนด์ที่ติดอยู่กับกระจกด้านคนนั่งได้ดี จึงได้นำกำลังตรวจสอบรถแท็กซี่ที่อยู่ในพื้นที่อย่างละเอียด จนทราบว่า รถแท็กซี่ทะเบียน ทล 5331 กทม.ซึ่งมีตุ๊กตาติดอยู่ที่รถตามที่ผู้เสียหายให้การไว้นั้น มี นายชอุ้ม หรือ ดุ้ย ธงชัย คนร้ายเป็นคนขับชุดสืบสวน จึงทำทีเป็นผู้โดยสารโทรศัพท์ให้คนร้ายออกมารับ ก่อนจะแสดงตัวเข้าตรวจค้นจากการตรวจค้นพบอาวุธมีดที่ใช้ในการก่อเหตุซุกซ่อนอยู่ที่คอนโซลหน้ารถ จึงควบคุมตัวกลับมาสอบสวนต่อ
จากการสอบสวน นายชอุ้ม ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนขับรถแท็กซี่คันที่ก่อเหตุจริง โดยในวันเกิดเหตุตนได้เสพยาบ้าเข้าไปจำนวน 5 เม็ด โดยเมื่อเห็นผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ และหน้าตาดี จึงเกิดอารมณ์ ใช้อาวุธมีดที่เตรียมมาก่อเหตุ แต่ผู้เสียหายซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าตนได้พยายามดิ้นต่อสู้ จนเปิดประตูหลบหนีไปได้ จึงมีเพียงทรัพย์สินที่ตกอยู่ในรถเท่านั้น จึงรีบขับรถนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายต่อให้กับพี่สาว โดยบอกว่าชาวต่างชาติลืมไว้ในรถก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้
วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ สภ.ปากเกร็ด พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.อภิชาติ เรือนทิพย์ รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.โสวัชร์ ไชยสงคราม รอง.ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ต.วิทิต จันทร์เอี่ยม สว.สส.สภ.ปากเกร็ด แถลงการจับกุม นายชอุ้ม หรือ ดุ่ย ธงชัย อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.2 ต.บ่อน้ำ อ.ขาณุลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ในข้อหาพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยมีและใช้อาวุธ ลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2554 เวลา 02.00 น.นางอริส (นามสมมติ) ชาวนอร์เวย์ อายุ 38 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ว่า ถูกคนร้ายซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่พยายามข่มขืนกระทำชำเรา และจี้ชิงทรัพย์ไป โดย นางอริส เล่าว่า หลังจากตนได้ออกจากร้านอาหารบริเวณปากซอยสุขุมวิท 23 เขตกรุงเทพฯ และได้เรียกรถแท็กซี่สีชมพู จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ นั่งโดยสารมาตามลำพัง เพื่อกลับบ้านพักตามปกติ โดยเมื่อมาถึงบริเวณ ถ.ประเสริฐอิสลาม อ.ปากเกร็ด ซึ่งห่างจากบ้านพักของตนเองไม่ถึง 100 เมตร คนขับรถแท็กซี่ดังกล่าวได้จอดรถก่อนชักอาวุธมีดพกออกมาจี้ที่คอตน ซึ่งนั่งอยู่เบาะผู้โดยสารด้านหลัง ก่อนจะพยายามใช้กำลังข่มขืน ซึ่งด้วยความตกใจตนจึงพยายามต่อสู้ขัดขืนกับคนร้ายจนสามารถเปิดประตูรถวิ่งหลบหนีออกมาได้ โดยที่คนร้ายพยายามจะกระชากตนกลับเข้าไปในรถอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ทำให้คนร้ายได้เพียงกระเป๋าสะพายของตนที่มีเงินสดอยู่ 1 หมื่นบาท สร้อยคอจี้เพชร 1 เส้น ราคาประมาณ 5 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง หลังหลบหนีออกมาได้ ตนได้ติดต่อไปยังสถานทูตนอร์เวย์ เพื่อให้ช่วยเหลือและพาเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม หลังทราบเรื่อง พล.ต.ต.สุรชัย จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เร่งทำการติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศชาติและเป็นภัยต่อสังคม ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหาย ทราบว่าคนร้ายได้ใช้งานโทรศัพท์ในเขตพื้นที่พระโขนง กทม.และผู้เสียหายยังสามารถจำตุ๊กตาช้างสีชมพูเขียนว่า ไทยแลนด์ที่ติดอยู่กับกระจกด้านคนนั่งได้ดี จึงได้นำกำลังตรวจสอบรถแท็กซี่ที่อยู่ในพื้นที่อย่างละเอียด จนทราบว่า รถแท็กซี่ทะเบียน ทล 5331 กทม.ซึ่งมีตุ๊กตาติดอยู่ที่รถตามที่ผู้เสียหายให้การไว้นั้น มี นายชอุ้ม หรือ ดุ้ย ธงชัย คนร้ายเป็นคนขับชุดสืบสวน จึงทำทีเป็นผู้โดยสารโทรศัพท์ให้คนร้ายออกมารับ ก่อนจะแสดงตัวเข้าตรวจค้นจากการตรวจค้นพบอาวุธมีดที่ใช้ในการก่อเหตุซุกซ่อนอยู่ที่คอนโซลหน้ารถ จึงควบคุมตัวกลับมาสอบสวนต่อ
จากการสอบสวน นายชอุ้ม ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนขับรถแท็กซี่คันที่ก่อเหตุจริง โดยในวันเกิดเหตุตนได้เสพยาบ้าเข้าไปจำนวน 5 เม็ด โดยเมื่อเห็นผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ และหน้าตาดี จึงเกิดอารมณ์ ใช้อาวุธมีดที่เตรียมมาก่อเหตุ แต่ผู้เสียหายซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าตนได้พยายามดิ้นต่อสู้ จนเปิดประตูหลบหนีไปได้ จึงมีเพียงทรัพย์สินที่ตกอยู่ในรถเท่านั้น จึงรีบขับรถนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายต่อให้กับพี่สาว โดยบอกว่าชาวต่างชาติลืมไว้ในรถก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้
